KEY
POINTS
วันนี้ (10 พ.ย.68) รายงานข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ระบุว่า นายสุชาติ ชมกลิ่ม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ลงนาม คำสั่งที่ 472/2568 แต่งตั้งให้ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์ เป็นคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นับแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม เป็นนักกฎหมาย“ระดับพญาครุฑ” มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน มีประสบการณ์ทำงานด้านกฎหมายภาคปฏิบัติไม่น้อยกว่า 30 ปี ในการว่าความและแก้ต่างในคดีสำคัญต่างๆ ระดับชาติ ทั้งในวันหยุดราชการ ทำหน้าที่เป็น “อาจารย์พิเศษ”ในสถาบันชั้นนำ มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนมีลูกศิษย์ทั่วประเทศ
ทั้งในแง่การให้ความเห็นทางกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน ผ่านสื่อมวลชนหลายสำนัก ทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง เป็นที่รู้จักของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ
สำหรับประสบการณ์การเมือง เคยดำรงตำแหน่งอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม,อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร,อดีตเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ,อดีตผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
โดยผ่านการลงสนามการเมืองระดับชาติ ลงผู้แทนฯ ครั้งแรกในปี 2550 และล่าสุดในปี 2566 ลงสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองหนึ่ง
ในด้านวิชาการ เป็นอาจารย์พิเศษด้านกฎหมายและรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง บรรยายพิเศษระดับชั้นปริญญาตรี ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกตั้งแต่ปี 2545 ถึงปัจจุบัน รวมถึงบรรยายพิเศษในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐ รวมทั้ง เคยดำรงตำแหน่งอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง กกต.ในการทำความเห็นกลั่นกรองในคดีทุจริตการเลือกตั้งในระดับการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ
ส่วนภาคเอกชน เป็นผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำกิจการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่ รวมถึงทำธุรกิจเจ้าของโรงงานไม้ยางพาราแปรรูป และกิจการอื่นๆ
โดยประวัติการศึกษาและการทำงานทั้งบู๊และบุ๋นครบเครื่องทั้ง ด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์
ระดับปริญญาเอก สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกหลายสาขา ได้แก่ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาการบริหารกระบวนการยุติธรรม(กฎหมายมหาชน) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี,รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย
ทั้งยังศึกษาเพิ่มเติมทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยอยู่ระหว่างเขียนดุษฎีนิพนธ์
ส่วนระดับปริญญาโท สำเร็จการศึกษา นิติศาสตรมหาบัณฑิตสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง,นิติศาสตรมหาบัณฑิตสาขากฎหมายธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม,รัฐศาสตรมหาบัณฑิตสาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาบริหารรัฐกิจและกฎหมาย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง,เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ผ่านการสอบวัดความรู้กฎหมายระดับชั้นเนติบัณฑิต โดยสำเร็จการศึกษา เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สมัย 57 สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
ส่วนระดับปริญญาตรี สำเร็จการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ,รัฐศาสตรบัณฑิตสาขาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดยผ่านหลักสูตรอบรมนักบริหารระดับสูง หลายหลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) รุ่น 12 สถาบันพระปกเกล้า,หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปศส.) รุ่น 13 สถาบันพระปกเกล้า,หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นําเมือง (ผู้นําเมือง) รุ่น 5 มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช,หลักสูตรกฎหมายปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ก.ศป.) รุ่น 11 วิทยาลัยกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง มูลนิธิกระบวนการยุติธรรมทางปกครองศาลปกครอง,หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงธรรมศาสตร์เพื่อสังคม (นมธ.4) สมาคมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,หลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่น 9 สถาบันเพื่อการสร้างชาติ
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงนักยุทธศาสตร์และการป้องกันสงครามจิตวิทยาในยุคดิจิทัล (น.ยปส.รุ่น 1) มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา,หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงบริหารงานตำรวจในยุคดิจิทัล (PADA รุ่น 1) สมาคมตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์ (RE-CU CEO รุ่น 5) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหลักสูตรอื่นๆ