ศาลรัฐธรรมมนูญตีตกคำร้องสอบตุลาการศาลปกครอง ปี 2562 ไม่ชอบ

14 ต.ค. 2568 | 05:57 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2568 | 06:06 น.

ศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ตีตกคำร้อง พ.ต.ต.ชาตรี เขียวภักดี ร้องอดีตประธานศาลปกครองสูงสุดจัดสอบตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปี 62 ไม่เป็นธรรม ชี้ศาลอื่นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

KEY

POINTS

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ พ.ต.ต.ชาตรี เขียวภักดี ที่กล่าวหาว่า กระบวนการสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองปี 2562 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  • ศาลชี้ว่าประเด็นที่ผู้ร้องโต้แย้ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับดุลพินิจของตุลาการในการพิจารณาคดี ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
  • เหตุผลสำคัญในการไม่รับคำร้องคือ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า การดำเนินการสอบคัดเลือกดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ในคดีที่ พ.ต.ต.ชาตรี เขียวภักดี เป็นผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 โดยกล่าวหาว่า นายปิยะ ปะตังทา อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด และอดีตประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) รวมถึงองค์คณะตุลาการศาลปกครองที่เกี่ยวข้อง กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายในกระบวนการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ประจำปี 2562

พ.ต.ต.ชาตรี อ้างว่า การจัดสอบข้อเขียนในครั้งนั้น ไม่เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสียโอกาสในการเข้ารับราชการเป็นตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3, 5, 25, 26, 27, 51, 53, 187 และ 191 รวมถึงขัดต่อ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 18 และ 63

ผู้ร้องยังกล่าวหาว่า องค์คณะตุลาการศาลปกครองที่พิจารณาคดีของตนใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ขัดหลักความเป็นธรรม และเข้าข่ายละเมิดจริยธรรมตุลาการ

อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบคำร้อง แสดงให้เห็นว่า ประเด็นที่ผู้ร้องโต้แย้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดุลพินิจของตุลาการในการพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งเป็นอำนาจที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 วรรคสอง

 

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังชี้ว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ว่าการดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) และ ของนายปิยะ ปะตังทา เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นการละเมิดต่อ พ.ต.ต.ชาตรี และไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ดังนั้น กรณีนี้จึงถือเป็นเรื่องที่ ศาลอื่นได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 47(5) ประกอบกับ มาตรา 46 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาในกรณีเช่นนี้
ศาลจึงมีมติ ไม่รับคำร้องของ พ.ต.ต.ชาตรี ไว้พิจารณา โดยเห็นว่าไม่เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

ขณะเดียวกัน ก่อนการพิจารณาคดี นายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นขอถอนตัวจากการพิจารณาคดี เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองชั้นต้นในปี 2562 ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วมีมติว่า นายสุเมธ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทโดยตรง และไม่ได้มีผลประโยชน์ขัดกัน จึงไม่อนุญาตให้ถอนตัวจากการพิจารณา

การมีมติของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ถือเป็นการยุติข้อพิพาทที่ค้างคามานานกว่า 6 ปี นับตั้งแต่การสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปี 2562 ซึ่งมีผู้ร้องเรียนหลายรายว่า กระบวนการสอบไม่โปร่งใส แต่ท้ายที่สุดศาลปกครอง และ ศาลรัฐธรรมนูญต่างเห็นตรงกันว่า กระบวนการดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายและเป็นที่สุดแล้ว