เดินหน้าส่ง แส จิ้นเจียง ให้จีน ศาลชี้พรบ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ขัด รธน.

22 ต.ค. 2568 | 06:18 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2568 | 06:29 น.

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ชี้ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ คดี “แส จิ้นเจียง” จีนเทา ผู้ต้องหาคดีบ่อนพนันเมียนมา ร้อง เปิดทางเดินหน้าส่งตัวให้จีนได้

KEY

POINTS

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 และ 21 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
  • คำวินิจฉัยนี้สืบเนื่องจากคำร้องของ นายแส จิ้นเจียง (SHE Zhijiang) ผู้ต้องหาชาวจีน ที่ถูกทางการไทยจับกุมเพื่อรอส่งตัวกลับไปดำเนินคดี
  • นายแส จิ้นเจียง โต้แย้งว่าบทบัญญัติดังกล่าวอาจกระทบสิทธิและเสรีภาพ แต่ศาลเห็นว่า กฎหมายมีหลักประกันการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมและไม่ได้จำกัดสิทธิเกินสมควร
  • ผลของคำตัดสินทำให้กระบวนการพิจารณาส่งตัว นายแส จิ้นเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่ประเทศจีน สามารถดำเนินต่อไปได้

วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า บทบัญญัติใน พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (2)(3) และมาตรา 21 วรรคสอง–สาม ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26, มาตรา 27 และมาตรา 29 

การวินิจฉัยดังกล่าวสืบเนื่องจากคำร้องของ นายแส จิ้นเจียง (SHE Zhijiang) หรือที่รู้จักในชื่อ “จีนเทา” ผู้ต้องหาชาวจีน ซึ่งถูกทางการไทยจับกุมตามคำร้องขอของรัฐบาลจีน เพื่อส่งตัวไปดำเนินคดีในประเทศต้นทาง

ประเด็นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

นายแส จิ้นเจียง ยื่นคำร้องผ่านศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำที่ ผด.1/2567 หมายเลขแดงที่ พ.ศ.3494/2568 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 19 และมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4, 5, 25, 26, 27 และ 29 หรือไม่

โดยอ้างว่า บทบัญญัติดังกล่าวอาจกระทบสิทธิและเสรีภาพของบุคคลผู้ถูกกล่าวหา และอาจไม่สอดคล้องกับหลักประกันสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญไทย

ศาลรัฐธรรมนูญพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้นายแส จิ้นเจียงจะเป็น บุคคลต่างด้าว แต่ก็อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง ซึ่งรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคลทุกคนในราชอาณาจักร จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอวินิจฉัยได้ตาม มาตรา 212 ของรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสาระของกฎหมายแล้ว ศาลเห็นว่า มาตรา 19 และ 21 ของ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่เป็นการละเมิดหรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพเกินสมควรแก่เหตุ และมีหลักประกันการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม จึงไม่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

สาระสำคัญของมาตราที่ถูกยื่นตีความ 

มาตรา 19 (2)(3): กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งขังบุคคลเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ หากคดีมีมูลรับฟ้อง และไม่ใช่คดีทางการเมืองหรือทางทหารโดยเฉพาะ

มาตรา 21: กำหนดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน และให้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ทั้งสองมาตรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้การส่งผู้ร้ายข้ามแดนดำเนินไปอย่างมีหลักเกณฑ์ โปร่งใส และอยู่ภายใต้การตรวจสอบทางศาล 

คดี “แส จิ้นเจียง” กับคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน 

ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ส่งตัว นายแส จิ้นเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนตามคำขอของรัฐบาลจีน 

โดยฝ่ายจีนระบุว่า นายแส จิ้นเจียง เป็นผู้ก่อตั้งและบริหาร เว็บไซต์การพนันออนไลน์และบ่อนกาสิโนในเมียนมา ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 150 ล้านหยวน หรือราว 700 ล้านบาทไทย

ระหว่างกระบวนการ นายแส จิ้นเจียง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ตีความบทกฎหมายดังกล่าว ก่อนศาลจะมีคำวินิจฉัยในวันนี้ (22 ต.ค.) ว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และสามารถบังคับใช้ได้ตามปกติ

สรุปผลคำวินิจฉัย

มติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0

มาตรา 19 และ 21 ของ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

คดี “แส จิ้นเจียง” สามารถดำเนินการพิจารณาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อได้ตามกระบวนการ