“แดง”ผนึก“ส้ม”โหวตหนุนร่างพรรคประชาชนเป็นหลักแก้รัฐธรรมนูญ

15 ต.ค. 2568 | 13:31 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2568 | 13:47 น.

“ภูมิใจไทย”แพ้โหวต รัฐสภา 300 ต่อ 287 เสียง หนุนร่างพรรคประชาชน เป็น “ร่างหลักแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่ “เพื่อไทย” เทคะแนน ให้พรรคสีส้ม

KEY

POINTS

  • รัฐสภามีมติใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พรรคประชาชน เป็นร่างหลักในการพิจารณา ซึ่งเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 
  • ผลการลงมติดังกล่าวเกิดจากการที่พรรคเพื่อไทย (แดง) และพรรคประชาชน (ส้ม) ร่วมกันลงมติสนับสนุนร่างของพรรคประชาชน
  • ชัยชนะของร่างพรรคประชาชน เป็นการพลิกผลจากการลงคะแนนในรอบแรก หลังจากมีการนับคะแนนใหม่ด้วยวิธีการขานชื่อ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

การประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เข้าสู่การพิจารณากำหนด “ร่างหลัก” ในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่ … พ.ศ. …) หลังจากที่ที่ประชุมลงมติ “รับหลักการ” ทั้ง 2 ร่าง คือ

ร่างของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ ซึ่งเสนอให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 

ร่างของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ที่เสนอให้มี สสร. มาจากการเลือกตั้งบางส่วน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการสรรหาเพื่อถ่วงดุล

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ รวม 43 คน แบ่งเป็น ส.ส. 31 คน และ ส.ว. 12 คน โดยกำหนดระยะเวลาในการแปรญัตติ 15 วัน

เมื่อเข้าสู่วาระการกำหนด “ร่างหลัก” เพื่อใช้เป็นฐานในการพิจารณาในชั้น กมธ. นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอให้ใช้ ร่างของนายอนุทิน เป็นร่างหลัก ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เสนอให้ใช้ ร่างของตนเอง เป็นร่างหลักเช่นกัน

ประธานรัฐสภาจึงให้ลงมติ ผลการลงคะแนนรอบแรกปรากฏว่า เห็นด้วยให้ใช้ร่างของนายอนุทินเป็นร่างหลัก 297 ต่อ 292 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง

แต่เมื่อ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเสนอให้นับคะแนนใหม่ โดยให้เหตุผลว่าคะแนนแตกต่างกันไม่มาก ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานที่ประชุม วินิจฉัยตามข้อบังคับว่า การนับใหม่ต้องใช้วิธี “ขานชื่อ” ทีละคนเท่านั้น

ในจังหวะนี้ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอญัตติให้ขานชื่อใหม่ ขณะที่ฝ่ายภูมิใจไทยยืนยันว่าไม่ได้ต้องการโหวตใหม่ แต่ขอเพียงตรวจนับคะแนนอีกครั้ง ท่ามกลางการถกเถียงในห้องประชุมที่ยืดเยื้อ

สุดท้ายประธานรัฐสภามีคำวินิจฉัยให้ ขานชื่อใหม่ทั้งหมด ใช้เวลานับกว่า 2 ชั่วโมง โดยมี นายอนุทิน เข้าร่วมลงคะแนนด้วยตนเอง

ผลการขานชื่อครั้งที่สอง ปรากฏว่า รัฐสภามีมติ 300 ต่อ 287 เสียง เห็นชอบให้ใช้ร่างของ นายพริษฐ์ เป็นร่างหลักในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการพลิกผลจากการลงคะแนนรอบแรกอย่างเฉียดฉิว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยลงมติไปในทิศทางเดียวกับพรรคประชาชน ซึ่งส่งสัญญาณ “ขั้วการเมืองใหม่” ภายในสภา ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเจ้าของร่างคู่แข่ง ต้องยอมรับผลการโหวตด้วยท่าทีสงบนิ่ง

ผลการโหวตครั้งนี้สะท้อน “สมดุลอำนาจใหม่” ภายในรัฐสภา พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน จับมือกันถือเสียงข้างมากในชั้น กมธ.วิสามัญที่ตั้งขึ้น โดยมีเสียง สส.รวมกันถึง 18 คน จากทั้งหมด 31 คน ในส่วนของสภาผู้แทนฯ 

ขณะที่ ภูมิใจไทย แม้จะมีสถานะนำรัฐบาล แต่กลับเสียคะแนนในประเด็นสำคัญทางการเมืองอย่างการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจถูกมองเป็นการ “วัดพลังเงียบ” ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาล กับ พันธมิตรเดิมในสภา