KEY
POINTS
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเมินว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะกวาด สส.ได้ถึง 200 ที่นั่ง และพรรคประชาชนจะได้สส.ลดลง โดยย้ำว่า เป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคจะตั้งเป้าหมายสูง แต่พรรคประชาชนมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะได้รับเสียงสนับสนุนราว 20 ล้านเสียง หรือ คิดเป็นที่นั่งประมาณ 250 ที่นั่ง สส.
“เราเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งข้างหน้า เป้าหมายของเราได้ 20 ล้านเสียง อาจจะคํานวณเป็นที่นั่งไม่ได้ แต่หากสะท้อนอย่างตรงไปตรงมา ก็จะประมาณ 250 ที่นั่ง” นายณัฐพงษ์ ระบุ
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวอีกว่า กระบวนการคัดสรรผู้สมัครจะเข้มข้นและเปิดกว้าง ให้สมาชิกมีส่วนร่วมสะท้อนเสียงประชาชนมากที่สุด ส่วนกระแสข่าวการย้ายพรรคจำนวนมากในช่วงนี้ เช่นกรณีที่พรรคภูมิใจไทยถูกขนานนามว่า “พรรคภูมิใจดูด” มองว่าเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ที่เปิดช่องให้เกิดการย้ายขั้วย้ายค่ายง่าย รวมถึงปรากฏการณ์ สส.งูเห่าในอดีต ดังนั้น พรรคประชาชนจึงย้ำความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อสร้างการเมืองที่ตรงไปตรงมา
“การแก้รัฐธรรมนูญ คือ ประตูด่านแรก และหมวด 15/1 เป็นอีกด่านสำคัญที่ต้องอาศัยเสียง สว. ร่วมด้วย หากรัฐบาลและพรรคการเมืองรักษาสัญญาตาม MOU ได้ การยกร่างใหม่ต้องยึดโยงประชาชนมากที่สุด หากหาทางออกร่วมกันไม่ได้ ก็ถือว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สามารถรักษาสัญญาตาม MOA ได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ หัวหน้าพรรคประชาชน ยังส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลว่า หากถึงจุดที่มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือบั่นทอนกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนพร้อมจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อล้มรัฐบาลทันที โดยชี้ว่าตามรัฐธรรมนูญ หากฝ่ายค้านยื่นญัตติได้ก่อน รัฐบาลก็ไม่สามารถยุบสภาหลบได้
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีว่า เป็นหน้าที่ตามปกติของสภา ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการพาดพิงส่วนตัวหรือใช้กฎหมายเล่นงานกัน พร้อมย้ำว่าพรรคยังติดตามใกล้ชิดทั้งเรื่องการแต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีเขากระโดง และปมฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำให้ระบบการเมืองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ มีถ่วงดุลตรวจสอบที่เข้มแข็ง และไม่ใช้เกมการเมืองเพื่อแก้แค้นกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย พร้อมย้ำว่า พรรคประชาชนยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ แต่ยังอยู่ในกรอบที่เคยโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี