KEY
POINTS
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 พรรคเพื่อไทย จัดงานใหญ่ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลอตแรก 185 คน จากทุกภูมิภาค โดยก่อนการเปิดตัวได้ฉายวิดีทัศน์ย้อนรอยนายกรัฐมนตรีในสายพรรค ตั้งแต่ยุคไทยรักไทยภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน จนถึงปัจจุบันที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในหัวข้อ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ว่า เป็นครั้งแรกหลังความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่หัวใจของคนพรรคเพื่อไทยได้มารวมพลังกัน มองหน้ากันจับมือกันด้วยใจถึงใจอีกครั้ง รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้าน ผู้ก่อตั้งพรรคต้องถูกจองจำ จากคดีความที่ตั้งต้นโดยอำนาจรัฐประหาร
ในสนามเลือกตั้งซ่อมมีทั้งชัยชนะที่เชียงราย และความพ่ายแพ้ที่ศรีสะเกษ มีคำพูดว่า พรรคเพื่อไทยถึงทางตัน กำลังจะตาย ใกล้จะสูญพันธุ์แน่นอน แต่ตนไม่เคยเชื่อแบบนั้น เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราคือพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมที่สุด และเผชิญชะตากรรมทางการเมืองอย่าสาหัสที่สุด พรรคนี้ที่ถูกรัฐประหาร 2 ครั้ง ยุบพรรค 2 พรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเกือบ 200 คน ปลดนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถึง 6 คน โดยผู้ที่ก่อรัฐประหารไม่เคยต้องคดี แต่ผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ถูกจองจำ
จิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย คือ นโยบายที่ทำได้จริงเพื่อประชาชน เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการทำเพื่อประชาชนกัน และนโยบายให้ถึงมือประชาชนจะทำให้ชีวิตพวกเขากินดีอยู่ดีและปลดปล่อยศักยภาพของประชาชนให้ออกมาอย่างเต็มรูปแบบ
เราเชื่อว่าการผลักดันนโยบายเป็นสิ่งที่สำคัญ รัฐบาลประชาชนทุกๆคนในราชการและเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อที่จะทำให้นโยบายต่างๆเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน ตนพร้อมสู้และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสู้
ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์การเมืองที่เป็นความหวังของประชาชนและความร่วมมือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของคนทุกรุ่นทุกวัยเพื่อให้การเมืองมีส่วนร่วมมากขึ้นมีการประสานงานและผลักดันนโยบายต่างๆ
การจะทำให้นโยบายเป็นจริงได้ พรรคเพื่อไทยก็ต้องสรุปบทบทเรียนที่ผ่านมา เพื่อปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป บทเรียนที่ผ่านมามีทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อพลาด มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างที่จะทำให้เราสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์และรับมือกับคนรุ่นใหม่และเหตุการณ์ของบ้านเมือง
การเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังเพื่อสร้างพรรคการเมืองที่สามารถทำให้ประเทศไทยในฝันของหลายคนเกิดขึ้นจริงได้ วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงต้องทำการยกเครื่องโครงสร้างทั้งหมด เพื่อให้ศักยภาพของแต่ละคน ถูกนำมาใช้ได้อย่างเต็มความสามารถ
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ตนขอประกาศให้ชัดเจนในวันนี้ว่าอำนาจในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับพรรค ทิศทางการเมืองของพรรค จะอยู่ที่หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารของพรรค เมื่อคนอื่นมีความคิดเห็นที่แตกต่าง หลายสิ่งที่คิดต่าง ก็สามารถแนะนำ และบอกตนเองได้โดยตรง
“ต่อไปนี้จะไม่มีเส้นทางลัด เส้นทางอ้อมไปไหน จะมีแต่เส้นทางตรงที่ชัดเจน ที่จะตัดสินใจให้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อทำให้เป็นเอกภาพ”
นางสาวแพทองธาร ย้ำว่า ตนเองคิดเสมอว่า การที่พรรคเพื่อไทยที่มี สส.อยู่ทั่วประเทศ ตนเองเชื่อมั่นในตัว สส.ทุกคน ไม่ว่าจะผ่านมาสมัยเดียว หรือหลายสมัยก็ตาม ทุกคนยึดโยงกับประชาชน และสื่อสารกับประชาชนเสมอ จึงมั่นใจในตัว สส.ว่าจะสามารถนำข้อมูลที่แท้จริงจากประชาชนมาสร้างนโยบายผลักดัน
จนไปถึงการผลักดันนโยบายของประเทศ โครงสร้างใหม่ที่พูดถึงนี้คงไม่ใช่พูดเพื่อแค่ภาพสวยหรู แต่ต้องเป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริง และสามารถรวมความเป็นเอกภาพของเพื่อไทยไว้ จากนี้พลังของเพื่อไทยจะแน่วแน่ มั่นคง โปร่งใส และจะไม่มีใครมาลดทอนอำนาจนี้ได้
เราจะจัดการคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะรับคำปรึกษาทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ หลายคนเป็นนักคิด นักยุทธศาสตร์มาเนิ่นนานตั้งแต่พรรคก่อตั้ง และอีกคณะคือ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมืองที่ผ่านสมรภูมิการเลือกตั้ง และผ่านการเมืองมาหลายยุคสมัย และคนอื่นที่อาจจะถูกกระจายไปทำงานในส่วนต่าง ๆ ทั้งงานพรรค งานสภา อาจจะมีการเชิญมาเพื่อขอคำปรึกษากับคณะกรรมการทั้งสองคณะนี้
ทั้งหมดนี้เป็นการรวมทั้งสมอง และประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทยไว้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งหลังบ้านของเราให้มีที่พึ่งพา และสามารถตัดสินใจโดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างคล่องแคล่วรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ด้านการทำงานเชิงปฏิบัติ โครงสร้างใหม่แบ่งเป็น 4 เสาหลักคือ
1.สำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร ดูแลการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร การประชุมสภาและการประชุมกรรมาธิการ
2.สำนักนโยบาย ศึกษาและวิจัยนโยบายซึ่งเป็น DNA ของพรรคต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่พรรคไทยรักไทย และสนับสนุนทางวิชาการให้กับ สส.
3.สำนักเลขาธิการพรรค เลขาธิการพรรค เป็นหัวเรือใหญ่ในการบริหารกิจการของพรรค โดยมีผู้อำนวยการพรรค ดูแลสำนักงานใหญ่ และสำนักงานสาขา มีฝ่ายกฎหมาย และเลขาธิการพรรคทำหน้าที่ประสานงานกับ คณะกรรมการภาค ทั้ง 5 ภูมิภาค - เหนือ อีสาน กลาง ใต้ และกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
4.สำนักสื่อสารมีฝ่ายยุทธศาสตร์การสื่อสาร ร่วมกับกองงานโฆษกพรรค ในการสื่อสารกับประชาชน เพื่อลดช่องว่างระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนและให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรคเพื่อไทยร่วมสนับสนุนความคิดเห็นหรือหากมีความเห็นต่างพรรคเพื่อไทยก็สามารถนำไปพัฒนาต่อในอนาคต โครงสร้างใหม่นี้จะทำให้กระบวนการภายในพรรคเพื่อไทยมีประสิทธิภาพ และมีเอกภาพ
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนที่เชื่อมั่นในการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย คนที่เชื่อว่าประชาธิปไตยกินได้ คนที่เข้าใจการต่อสู้ของพรรคที่ร่วมทางมากับประชาชน เชิญชวนให้มาสมัครมาร่วมอุดมการณ์ อย่างจริงจัง เราเปิดรับสมัครผู้ร่วมอุดมการณ์จากทั่วประเทศแล้ว ผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.หน้าใหม่เกือบ 100 คนที่เห็นในวันนี้ ก็มาจากระบบใหม่นี้ หลายคนเป็นบุคลากรหน้าใหม่ที่มีคุณภาพ และพร้อมเติบโตไปกับพรรค
นี่คือ รูปธรรมที่พรรคเพื่อไทยเปิดพื้นที่ใหม่อย่างเป็นระบบและโปร่งใส การสมัครที่เปิดในรอบใหม่นี้ ข้อมูลของผู้สมัครทุกท่านจะถูกส่งตรงไปยังคณะกรรมการภาคทั้ง 5 ภาคที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจนเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีอุดมการณ์และศักยภาพ
นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่กิจกรรมอย่าง YPP ที่เป็นเวทีแรกสำหรับคนรุ่นใหม่และผู้สนใจ เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนก้าวสู่สนามการเมืองจริง
อีกกิจกรรมหนึ่งที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นรากฐานสำคัญของการคิดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย คือ การจัดตั้ง เวที “ตาดูดาว เท้าติดดิน Moonshot Forum ” เวทีสำหรับการศึกษา วิจัย หาทางออกของประเทศไทย ท่ามกลางความผันผวนของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
พรรคเพื่อไทยจะเริ่มทำ เวทีตาดูดาว เท้าติดดินMoonshot Forum ที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพมหานคร ภายในเดือนตุลาคมนี้และจะขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อให้ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกภูมิภาค เชื่อมโยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยไปข้างหน้า
นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยว่า หลายท่านอาจสงสัยว่า พรรคเพื่อไทยยกเครื่องพรรคแล้ว แล้วจะยกเครื่องประเทศไทยอย่างไร คำตอบคือ เราจะนำเสนอนโยบายใหม่ ที่ถอดบทเรียนจาก 2 ปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้า พรรรเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านมา 9 ปี เพิ่งมีโอกาสไปเป็นรัฐบาล 2 ปีกว่า เราได้เห็นระบบนิเวศการทำงานต่างๆ ของราชการ มีปัญหา ซึ่งถ้ามีปัญหา การทำนโยบายจะยากขึ้น เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า เรามีข้าราชการที่เก่ง และมีความสามารถอีกมากมาย ตอนที่ตนเองดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เจอปลัดข้าราชการที่เก่งอย่างมาก และยังเคยพูดเล่นว่า อย่างนี้ถ้าปลัดเกษียณแล้ว ขออนุญาตให้มาสมัครที่พรรคได้หรือไม่ เพราะว่าเป็นคนที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาประเทศได้ และเข้าใจระบบจริง ๆ
สะท้อนให้เห็นว่า คนที่มีประสิทธิภาพมีเยอะ บางกระทรวงแต่ละที่มีความซ้ำซ้อน เรื่องการทำงานทำให้การทำงานล่าช้า และการผลักดันนโยบายไปติดตรงนั้น ตรงนี้ มากมาย จริง ๆ แล้วหากร่วมมือกัน ทำงานกันอย่างบูรณาการ ผลที่เกิดขึ้นเป็นไปได้
อยากเปลี่ยนค่านิยมของข้าราชการทั้งหมด ว่าไม่ทำไม่ผิด เป็น ทำเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน ข้าราชการจะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ที่ช่วยผลักดันประเทศผลักดันนโยบาย และสร้างความกินดี อยู่ดี ให้กับพี่น้องประชาชนได้จริง ๆ และให้เอกชนที่เข้ามาร่วมด้วยในเรื่องความคิด และสิ่งที่เชี่ยวชาญ
เราจะใช้แนวทาง “เอกชนทำงาน ราชการอำนวยความสะดวก” ซึ่งเราได้ทำผ่านซอฟพาวเวอร์ของโครงการ THACCA ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างในวงการอุตสาหกรรมของภาพยนตร์ประสบความสำเร็จมากๆ ในระยะเวลา 1 ปีเท่านั้น
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ไม่ว่าจะอีก 2 เดือน หรือ 4 เดือน พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว ตนจึงได้แต่งตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และผู้บริหารของพรรคหลายคน เป็นกองอำนวยการเลือกตั้ง
วันนี้หลายคนอยากรู้เรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตน ก็อยากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาก แต่ก็เสียใจเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอให้ความมั่นใจว่าเราจะเปิดชื่อ 3 แคนดิเดตในเวลาที่เหมาะสม และมั่นใจว่า3 ชื่อนี้จะเป็นชื่อแห่งความหวังให้กับประชาชนในทุกระดับอย่างแน่นอน
“ก่อนที่เราจะได้พบกับผู้เสนอตัวเกือบ 200 คนของเราในวันนี้ อยากจะพูดจากใจจริง ขอบคุณทุกท่านที่ ยังอยู่กับเราขอบคุณที่ต่อสู้กับทุกกระแส ทุกกระแสคำพูดที่เป็นกระแส ขอบคุณที่ตัดสินใจอยู่ขอบคุณทุกคนที่อยู่มายาวนาน และเลือกที่จะยังอยู่กับเราต่อไป ทุกท่านทราบว่าที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพรรคการเมือง ที่นี่คือบ้าน ที่นี่คือบ้านของพรรคเพื่อไทย ที่นี่จะไม่มีวันทิ้งกันไปไหน ขอขอบคุณจากหัวใจ” นางสาวแพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้งผู้สมัครหน้าเก่าและหน้าใหม่กว่า 185 คน
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตอนนี้เรามีผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร 185 คน แต่ทั้งประเทศมี 400 เขต เราส่งครบแน่นอน ฉะนั้น หลายคนที่บอกว่ายังไม่มีผู้สมัครในจังหวัดตัวเอง ขอให้รอสักครู่ ท่านหัวหน้ากำลังทำงานอยู่ เดี๋ยวจะมีรายชื่อต่อไปแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประกาศรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. ไม่มีชื่อของ นายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา อยู่ในรายชื่อผู้สมัครใหม่ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า นายโกศล จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย