KEY
POINTS
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ช่วงหนึ่งในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่ 29 กันยายน 2568 ซึ่งมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม
โดยรองนายกฯบวรศักดิ์ ระบุว่า ในการเลือกตั้ง สส. หลังการยุบสภา ประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 4 ใบ ประกอบด้วย
"การทำประชามติแยกแต่ละครั้งใช้งบสูงถึง 6,000 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงตัดสินใจจัดประชามติควบคู่กับวันเลือกตั้ง เพื่อประหยัดงบประมาณ และยังเป็นการขอฉันทานุมัติจากประชาชนในประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง MOU ไทย–กัมพูชา ที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ควรตัดสินใจเอง" นายบวรศักดิ์ กล่าว
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ ย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการเขียนทั้งฉบับใหม่ แต่จะสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามขั้นตอนที่ชัดเจนและสอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ
ขั้นแรก ลงประชามติถามความเห็นประชาชนว่าต้องการรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และหากเห็นชอบ จะเพิ่มหมวด 15/1 ในรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดกรอบวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่สอง คือการเขียนโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
นายบวรศักดิ์ เชื่อว่าพรรคการเมืองใหญ่จะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพราะเสี่ยงขัดต่อมาตรา 255 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ห้ามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและรูปแบบของรัฐ พร้อมย้ำว่า เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 256 หากจะแก้ไขก็ต้องทำประชามติก่อน รัฐบาลจึงจะไม่ดำเนินการเอง
ด้านข้อกังวลเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ นายบวรศักดิ์ยืนยันว่า รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะไม่ดึงตำแหน่งคืนมาเพื่อใส่คนของตนเอง โดยมติ ครม. ที่ผ่านการแต่งตั้งไว้แล้วในรัฐบาลรักษาการจะเดินหน้าต่อทั้งหมดเกือบ 10 ตำแหน่ง
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังประกาศว่าจะไม่ใช้กฎหมายหรือหน่วยงานรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยยกกรณีในอดีตที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เคยถูกใช้ตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง พร้อมเสนอให้มีกลไกกำกับการใช้ดุลยพินิจ เพื่อป้องกันการแทรกแซงในอนาคต
ท้ายที่สุด นายบวรศักดิ์ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีอนุทินให้คำมั่นชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรณีการแต่งตั้ง สว., คดีเขากระโดง หรือการทำงานขององค์กรอิสระ โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายที่ควรจะเป็น