กกต.ชงศาลฎีกาฟัน 7 ผู้สมัคร สว.ร้อยเอ็ด ซื้อเสียง-แลกคะแนนเสียง

วันที่ 10 กันยายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือ สิทธิเลือกตั้ง พร้อมดำเนินคดีอาญาแก่ผู้เกี่ยวข้องรวม 7 ราย กรณีการทุจริตเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัด จังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1 (ด้านบริหารราชการและความมั่นคง)

สำหรับรายชื่อผู้ถูกชี้มูลประกอบด้วย พล.ท.โสภณ, นายเรืองวิทย์, นายเฉลิมศักดิ์, นายชัยชนะ, นายบรรลุ, นายเมธี และ นายสนอง โดยมี พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ และ น.ส.ณัฏฐยา หรือ ณัฐณิชา (บุคคลซึ่งไม่ได้สมัครเป็น สว.) เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนการโอนเงิน

พฤติการณ์ที่ปรากฏ : 

ระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย. 2567 พยานบุคคลผู้มีสิทธิเลือก ส.ว. ให้ถ้อยคำยืนยันว่า ได้รับการชักชวนเข้าร่วมทีม พล.ท.โสภณ โดยมีข้อเสนอจ่ายเงิน 15,000 บาท แลกกับการลงคะแนนเลือก พล.ท.โสภณ และ นายเรืองวิทย์

การจ่ายเงินมีหลักฐานชัดเจน ทั้ง ธุรกรรมการโอนเงิน, ข้อความแชตไลน์, และ ภาพถ่ายการสนทนา โดยมี พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ ทำหน้าที่โอนเงินต่อให้พยาน

นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่า พล.ท.โสภณ สนับสนุนให้โอนเงิน 15,000 บาท ผ่าน น.ส.ณัฏฐยา/ณัฐณิชา เพื่อจูงใจให้ นายเรืองวิทย์สมัครและลงคะแนนเลือกตนเอง

อีกด้านหนึ่ง นายชัยชนะ พร้อมพวก เสนอผลประโยชน์เพิ่มเติมตั้งแต่ 20,000–50,000 บาท เพื่อแลกคะแนนเสียง รวมถึงออกค่าใช้จ่ายที่พักโรงแรมก่อนวันเลือก

หลักฐานสำคัญ :

ข้อมูลธุรกรรมการเงิน

ข้อความและรูปภาพในแอปพลิเคชันไลน์

คลิปวิดีโอบันทึกการสนทนา

พยานบุคคลที่ยืนยันการรับเงิน

กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62, 77(1), 79 และ 81 ถือเป็นการทุจริตเลือกตั้ง ทำให้การเลือกไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม จึงมีมติให้ส่งคำร้องต่อศาลฎีกาและสั่งดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย

มติ กกต. ครั้งนี้สะท้อนถึงการเอาจริงกับการทุจริตเลือกตั้ง สว. โดยใช้พยานหลักฐานทั้งการเงินและการสื่อสารดิจิทัลมายืนยัน 
หากศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนสิทธิและดำเนินคดีอาญา ผู้สมัครทั้ง 7 ราย อาจถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง และ ถูกลงโทษทางกฎหมายเพิ่มเติม