ลงนามเด้งแล้ว 42 ตำรวจทางหลวงเซ่นส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก

09 มิ.ย. 2566 | 06:33 น.

“พล.ต.ต.จรูญเกียรติ”ลงนามคำสั่งโยกย้ายตำรวจทางหลวงแล้ว 42 นาย เอี่ยวส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกส่วนใหญ่ระดับ “รองสว.-ระดับชั้นประทวน หัวหน้าตู้ทางหลวงตามสถานี” ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยรายการศปก.บก.ทล.

ความคืบหน้าเอาผิดตำรวจทางหลวง เอี่ยวส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ล่าสุด เมื่อเวลา 12.20 น. วันนี้ (9 มิ.ย.66)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง(ผบก.ทล.) ได้ลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวง ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก จำนวน 42 นาย 

ประกอบด้วย รอง ผกก. รอง สว. และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวน ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. ก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

ทั้งนี้ก็เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 42 นาย ที่ถูกย้ายครั้งนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็น รอง สว. และ เจ้าหน้าที่ระดับชั้นประทวน ที่เป็นหัวหน้าตู้ทางหลวงตามสถานีต่างๆ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า คณะทำงานขยายผลสืบสวนมาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งดูดายกับการแก้ไขปัญหา การสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจะดำเนินการไปเรื่อยๆ คนไหนมีพยานหลักฐานก็ดำเนินการไป คนไหนถูกพาดพิงแต่ผู้ประกอบการยังไม่กล้าให้การเป็นลายลักษณ์อักษรก็ว่าไป 

แต่ตำรวจก็จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น และจะมีคำสั่งในการดำเนินการออกมาเรื่อยๆ รวมถึงจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือถูกพาดพิงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกแน่นอน เชื่อว่ายังไม่จบแค่ตำรวจ 40 นายนี้

ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมายื่นให้เพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับขบวนการรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนและส่วยสติกเกอร์ ได้มีการมอบหมายให้คณะทำงาน ปปป. ดูแลแทน ตนมีหน้าที่ดูแลคดีของตำรวจทางหลวง ดำเนินการแยกกันคนละส่วน แต่ยังมีการประสานข้อมูลกันตลอด ซึ่ง ปปป. ก็จะเป็นหน่วยงานหลักในการสืบสวนขยายผล ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีคำสั่งให้ใช้กำลังตำรวจอย่างเต็มในการคลี่คลายสถานการณ์ และสร้างกองบังคับการตำรวจทางหลวงขึ้นมาใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน

ส่วนกรณีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่ นายอัจฉริยะ บอกว่าหายไปนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังสับสน และยังไม่มีความชัดเจนว่ารถของกลางอยู่ที่หน่วยงานใด แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังพูดไม่ตรงกันและยังไม่มีความชัดเจน จึงไม่อยากด่วนสรุปตอนนี้ แต่ได้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนร่วมกับกรมสรรพสามิต และประสานข้อมูลกันให้มีความชัดเจนก่อน และขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวล ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย