ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยถึงผลจากการพัฒนาอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมว่า ในปัจจุบันเกษตรกรมีปัญหาพื้นฐานสามเรื่องคือ ผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง และ รายได้น้อย สุดท้ายเข้าสู่วังวนหนี้ จมอยู่กับชีวิตที่ยากจน
แนวทางแก้ไขจึงต้องเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน สร้างรายได้เพิ่ม กรรมาธิการฯ จึงเริ่มตั้งแต่การวิจัยดิน เช่น ที่จังหวัดสกลนคร เราพบว่ามีจุลินทรีย์ย่อยสลายดินลูกรังที่เป็นปัญหาการเพาะปลูก สุดท้ายพลิกดินลูกรังให้กลายเป็นดินที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก
จากนั้นเราพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ทดแทนการขาดแคลนน้ำเพราะอยู่นอกเขตชลประทาน รวมทั้งไปให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น จำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น เป็นที่ต้องการของตลาด เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงการใช้งานวิจัย นวัตกรรมเข้าไปสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร มีรายได้เพิ่มขึ้น 1-5 หมื่นบาทต่อเดือน
ศ.ดร.กนก กล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้การใช้งานวิจัยและนวัตกรรมไปไม่ถึงชาวบ้าน และเกษตรกร เป็นเพราะทัศนคติของข้าราชการ ยังทำงานแบบแยกส่วน ไม่มีการบูรณาการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ หมดงบประมาณไปกับการอบรมสัมมนาที่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ เพราะไม่มีการติดตามผลอย่างจริงจัง
การจัดสรรงบประมาณก็ทำแบบแยกส่วน ต่างคน ต่างทำ ต่างเวลา ไม่ครบกระบวนการจนสร้างมูลค่าเพิ่ม มีแต่คำพูดว่าจะบูรณาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง จึงต้องเร่งปฏิรูปวิธีคิด ปฏิบัติทันที เพื่อให้ผลจากการใช้งบประมาณไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง
“สำนักงบประมาณจัดงบระมาณไม่ตรงโจทย์ปัญหาของประชาชน กระทรวงและกรมไม่เข้าใจปัญหาจริงในพื้นที่ของชาวบ้าน จังหวัดและอำเภอต้องทำตามนโยบายของกรมและกระทรวงที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน เช่น กระทรวงอุดมศึกษา เทคโนโลยี และวิจัย วิจัยตามความสนใจของนักวิจัย ผลการวิจัยไม่ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน
ยิ่งไปกว่านั้นผลงานวิจัยที่ออกมาก็ยังใช้ไม่ได้กับปัญหาจริงของประชาชน เมื่อระบบราชการและการทำงานของข้าวราชการยังยึดกับรูปแบบเดิม ๆ อนาคต new normal จะเหลืออะไร ทั้งหมดของปัญหานี้ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดีกรม ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณต้องตอบคำถามทั้งหมดนี้ให้ได้ ประเทศไทยจึงจะเคลื่อนที่ได้ และประชาชนน่าจะมีความหวังได้ครับ” ศ.ดร.กนก กล่าวทิ้งท้าย