3 ปีเงียบ “วัชระ”จี้ประธานสภาฯ เร่งฟัน“สรศักดิ์”คุกคามทางเพศขรก.สาว

15 มิ.ย. 2565 | 07:06 น.

ความล่าช้าคือความอยุติธรรม! “วัชระ” ร้อง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” เร่งฟันวินัยร้ายแรง “สรศักดิ์ เพียรเวช” คุกคามทางเพศขรก.สาว หลังผ่านมาเกือบ 3 ปี ไม่มีคืบหน้า

วันนี้ (15 มิ.ย.65) ที่อาคารรัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านงานสารบรรณถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เร่งรัดดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงกับ นายสรศักดิ์ เพียรเวช (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) กรณีการใช้สถานะของการเป็นผู้บังคับบัญชา คุกคามทางเพศต่อข้าราชการสตรี ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ 


โดยเรื่องนี้เคยมีหนังสือร้องตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.2562 เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการโดยด่วน มิให้นายสรศักดิ์ และผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือใช้ช่องทางกฎหมายถ่วงเวลาสอบข้อเท็จจริงและการสอบสวนทางวินัย ซึ่งในที่สุดนายสรศักดิ์ อาจรอดพ้นจากการถูกลงโทษทางวินัย 

นายวัชระ กล่าวว่า ตนได้ร้องเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.2562 จนถึงปัจจุบัน กินเวลามากว่า 2 ปี 9 เดือนแล้ว และหากนับจากวันที่นายสรศักดิ์ เกษียณอายุราชการ ก็ผ่านมากว่า 1 ปีครึ่ง ถือว่านานเกินไปต่อการอำนวยความยุติธรรมและหลักธรรมาภิบาลที่ดีให้กับข้าราชการสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศของนายสรศักดิ์ 


ทั้งนี้ พฤติกรรมของการใช้ตำแหน่งหน้าที่ เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสำคัญในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว  และเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ใช้อำนาจตามกฎหมายที่ต้องให้ความสำคัญต่อการลงโทษที่เหมาะสมต่อผู้กระทำความผิดดังกล่าว  

เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นผู้บังคับบัญชา มีกฎหมายรองรับในการให้คุณให้โทษกับเหยื่อซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ใช้สถานะของตำแหน่งในหน้าที่ราชการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กร คุกคามทางเพศต่อเหยื่อซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นสตรี 
โดยปรากฏหลักฐานอย่างแจ้งชัดด้วยการแสดงพฤติกรรมใช้ข้อความสนทนาเรื่องเพศ มีการแสดงรูปภาพลามกอนาจาร โดยใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งผู้เสียหายได้พยายามหลีกเลี่ยงและปฏิเสธต่อการคุกคามทางเพศดังกล่าว  

 

นอกจากนี้ นายสรศักดิ์ ยังให้สัญญาในการเลื่อนเงินเดือนให้กับผู้เสียหายโดยการคุกคามทางเพศ โดยใช้โทรศัพท์มือถือของทางราชการด้วย

 

การกระทำความผิดของ นายสรศักดิ์ จึงครบองค์ประกอบของความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในทางกฎหมาย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจตามกฎหมาย หากมีคำสั่งลงโทษในระดับปลดออก ก็จะไม่มีผลกระทบต่อ นายสรศักดิ์ แต่อย่างใด 

 

เพราะยังได้รับบำเหน็จบำนาญ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของทางราชการอย่างครบถ้วนเช่นเดียวกับผู้เกษียณอายุราชการตามปกติ โดยไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลยจากการกระทำความผิดฐานคุกคามทางเพศต่อเหยื่อซึ่งเป็นข้าราชการสตรี  ทั้ง ๆ ที่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน จึงขอให้ประธานสภาฯเร่งรัดลงโทษโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ดีต่อไป 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ ได้เคยยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.64  ให้พิจารณาปลดนายสรศักดิ์ ออกจากคณะกรรมการบริหารโครงการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต พร้อมเรียกคืนเบี้ยประชุมครั้งละ 1,600 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 63 เป็นต้นมา เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ นายนัฑ ผาสุข ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีนายสรศักดิ์คุกคามทางเพศข้าราชการหญิงผู้ใต้บังคับบัญชาได้สรุปว่า นายสรศักดิ์ กระทำความผิดจริง และได้รายงานลับให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบแล้ว