วัชระยื่น“ชวน”ฟันขบวนการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ยกก๊วน

12 เม.ย. 2565 | 04:52 น.

มีหนาวกลางสงกรานต์! “วัชระ เพชรทอง” ยื่น “ชวน หลีกภัย” ฟันขบวนการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ยกก๊วน

วันนี้ (12 เม.ย.65) ที่อาคารรัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านงานสารบรรณถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดในการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เม.ย.65 นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ นายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมการตรวจการจ้าง โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน 

 

โดยได้โต้แย้งการยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยถึงการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนำวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปให้กับบุคคลภายนอก และกรณีไม้ที่ทำการปูพื้นอาคารรัฐสภา ไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาก่อสร้างอาคารรัฐสภาฯ โดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ชี้แจงกรณีไม้ปูพื้นว่า “การตรวจรับไม่แล้วเสร็จ” นั้น

นายวัชระ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อนายชวน ว่า ขณะนี้ความจริงได้ถูกเปิดเผยออกมาว่า ไม้ที่ใช้ในการปูพื้นอาคารรัฐสภาฯ ไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญาฯ ซึ่งกำหนดให้ใช้ “ไม้ตะเคียนทอง” แต่ตรวจพบว่าเป็น “ไม้พะยอม” เป็นผลจากการติดตามตรวจสอบการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาฯ ของตนและนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ มาเป็นเวลาหลายปี มิใช่กรณีที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตั้งใจจะแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องเอง  

 

ที่ผ่านมาได้พยายามขอให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการทุจริตการก่อสร้างและการดำเนินการต่าง ๆ ที่ไม่ถูกต้องของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด  แต่ถูกเพิกเฉยไม่ยินยอมเปิดเผยข้อมูลหรือชี้แจงใด ๆ แล้วยังมีคำสั่งในทางลับมิให้บุคลากรของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ข้อมูล หรือ เอกสาร หรือความเห็นใด ๆ รวมทั้งคาดโทษหากมีการฝ่าฝืนคำสั่งลับดังกล่าว 

สำหรับกรณีไม้ปูพื้นที่ไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญาฯ ตนได้พยายามโต้แย้งเป็นหนังสือ แถลงข่าวถึงความไม่ชอบถึงการดำเนินการดังกล่าวเป็นเวลานาน จนมีกรรมการตรวจจ้างบางส่วน ไม่อยากมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย จึงต้องมีหนังสือไปถึงกรมป่าไม้ให้ตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็น “ไม้พะยอม” ไม่ใช่ “ไม้ตะเคียนทอง” ตามที่สัญญากำหนด ทำให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ว่าจ้าง) ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ได้ไม้คุณภาพต่ำกว่าที่กำหนด 

                                พรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขณะแถลงข่าว
การกระทำของผู้รับจ้างดังกล่าว สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ว่าจ้าง) มีเหตุในการบอกเลิกสัญญาฯ ได้ แต่ผู้รับจ้างยืนยันว่า ได้ใช้ไม้ชนิดที่ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญาฯ โดยมีที่ปรึกษาบริหารโครงการและผู้ควบคุมงานก่อสร้างให้ความเห็นสนับสนุนและยืนยันในข้อเท็จจริงดังกล่าว 


จนคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ หลงเชื่อว่าชนิดของไม้ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญาฯจึงตรวจรับงานและจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้าง ซึ่งการกระทำดังกล่าว ส่อถึงการกระทำความผิดทางอาญาสำเร็จแล้ว ขณะที่ในเอกสารแถลงข่าวของนางพรพิศ บอกว่า “การตรวจรับไม่แล้วเสร็จ” ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงกับกรรมการตรวจการจ้างทั้ง 3 คนดังกล่าวที่ทำหนังสือราชการเป็นหลักฐานและลงลายมือชื่อยืนยันว่า “มีการตรวจรับแล้ว” และ “มีการจ่ายให้กับผู้รับจ้างแล้ว”

                               วัชระยื่น“ชวน”ฟันขบวนการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ยกก๊วน
ด้วยหลัก “ความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว” หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่กรรมการตรวจการจ้างทั้ง 3 คน คำแถลงของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่บอกว่า “การตรวจรับไม่แล้วเสร็จ” จึงเป็นความเท็จ อันถือเป็นการกระทำความผิดทางวินัย จริยธรรม และมีการกระทำอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ นางพรพิศ จะไม่รู้เรื่อง 


เพราะเป็นผู้อนุมัติการจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างในกรณีดังกล่าวเองตามระเบียบพัสดุ และผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องให้ความคุ้มครองกับกรรมการตรวจการจ้างทั้ง 3 คน เป็นการด่วน เนื่องจากเป็นพยานสำคัญที่สามารถให้ข้อเท็จจริงอันนำไปสู่การนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ 


แต่หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นางพรพิศ ยืนยันว่า “การตรวจรับไม่แล้วเสร็จ” ก็ต้องดำเนินการกับกรรมการตรวจการจ้างทั้ง 3 คน ทั้งทางวินัยและคดีอาญา ในการทำเอกสารเท็จและรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทางราชการและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ผู้รับจ้าง)


นายวัชระ กล่าวว่า สัญญาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาแล้ว เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและผู้เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามสัญญาและเอกสารประกอบทั้งหมดอย่างเคร่งครัด จะไปใช้อำนาจหรือดุลพินิจใด ๆ ที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามสัญญาฯ และเอกสารประกอบที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาไม่ได้ 

                                                  วัชระยื่น“ชวน”ฟันขบวนการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ยกก๊วน
งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างมาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ มิใช่เงินส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่สามารถจะใช้ได้ตามอำเภอใจว่า จะจ่ายเงินให้กับใคร เพิ่มเงินค่าจ้างให้กับใคร โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการและสัญญาได้ หากมีการกระทำเช่นนั้น ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ว่าจ้าง ย่อมเป็นผู้เสียหายที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด ทั้งทางอาญา แพ่ง ละเมิดกับผู้ที่กระทำความผิดในการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาโดยไม่ละเว้น 


ไม่ว่าจะมีความใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันประการใด การละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดทางอาญา ที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะได้รับต่อไป รวมทั้งในกรณีที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการก่อสร้าง ต้องนำไม้ที่ถูกต้องตามชนิดที่กำหนดในสัญญาฯ มาเปลี่ยนให้ครบถ้วน เป็นหน้าที่ตามกฎหมายและสัญญาฯ 


ทั้งนี้ การตรวจรับงานอันเป็นเท็จไม่ว่าในขั้นตอนใดก็ตาม ผู้กระทำย่อมมีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญา จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิด และระงับยับยั้งความเสียหายต่อทางราชการ และภาษีอากรของประชาชนมิให้เกิดขึ้นมากเกินไปกว่านี้