“7 ส.ส.งูเห่าเพื่อไทย”โผล่ ภูมิธรรมเปิดชื่อโหวตสวนมติพรรครับร่างพรบ.งบ 66

03 มิ.ย. 2565 | 02:37 น.

เป็นเรื่อง "ภูมิธรรม เวชยชัย”โพสต์เปิดชื่อ “7 ส.ส.งูเห่าเพื่อไทย” โหวตสวนมติพรรค รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2566 วาระแรก

วันนี้(3 มิ.ย.65) นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านทวิตเตอร์ ถึงการลงมติของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการด้วยเสียงข้างมาก 278 เสียง ต่อไม่เห็นด้วย 194 เสีย งดออกเสียง 2 เสียง ว่า 7 ส.ส.เพื่อไทยสวนมติพรรคโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบ 66


พร้อมแนบไฟล์ภาพ ที่ปรากฏชื่อ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 7 คน ที่โหวตเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ประมาณ ประกอบด้วย 

 

 
 

1.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี


2.นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ


3.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ


4.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก


5.นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ


6.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 
 

และ 7. นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา

                     

                           สวนมติพรรค

                  

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถามถึงจำนวนเสียงที่โหวตสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ที่เกินมา 16 เสียง และมีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นคนไปดีลให้รัฐบาล ว่า ไม่ทราบ ต้องถามพรรคภูมิใจไทย 


“แต่อย่างที่เราเข้าใจว่างบประมาณ เป็นกฎหมายสำคัญในการนำไปใช้บริหารราชการแผ่นดิน และเห็นว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน บางคนก็เห็นด้วยการรับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ คงไม่ได้เป็นไปตามมติฝ่ายค้านทั้งหมด เพราะคิดถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่การล็อบบี้ทางการเมือง”


เมื่อถามว่าจำนวนเสียงที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจในเสียงสนับสนุนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้าหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว จากการที่ประเมินเสียงของสมาชิกในสภาฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ ไม่มีปัญหา

 

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และผู้ประสานงานพรรคเล็ก กล่าวถึงเสียงโหวตร่างงบประมาณฯ ว่า เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และเสียงที่ได้มาก็เกิดจากหลายภาคส่วน ส่วนหนึ่งได้รับจากข้อสั่งการที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ประสานงานมากกว่า 


“ก็อย่างที่บอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว พรรคเล็กต่างๆ เป็นทีมงานที่รู้จักและสนิทกันมาก และเมื่อวาน พล.อ.ประวิตร ก็อยู่กันถึงเวลาโหวตวาระแรก”


ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงของฝ่ายค้านที่หายไปมาก ดูแล้วจะทำให้เกมในสภาฯและการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ดูจากภาพก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ตนบอกเบื้องต้นอยู่แล้วว่าทำอะไรก็ทำเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรที่ทำผิดระเบียบหรือไม่ข่าวคาวที่ไม่ดี รัฐบาลทำงานด้วยดีมาตลอด


 
ถามว่าเสียงส่วนหนึ่งของฝ่ายค้านเป็นเพราะจะมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ในอนาคตใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า อาจจะเป็นช่วงที่นับถอยหลังการเลือกตั้ง ส.ส.บางท่านก็พยายามที่จะหมุนเวียนไปอยู่พรรคใหม่ หรือที่อยู่ฝ่ายค้านก็อยากมาอยู่รัฐบาลก็ต้องมีบ้าง ตรงนี้เราไม่สามารถไปกำหนดได้เราไม่รู้ใครเป็นใคร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องคิดว่าเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.มากกว่า


ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นตอนแรกพรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคเล็กบอกไม่โหวตให้ผ่านงบ 66 แต่ที่สุดโหวตให้ผ่านเป็นเพราะสาเหตุอะไร นายสุชาติ ตอบว่า การชี้แจงงบประมาณเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ทุกอย่างก็ต้องไปตามนั้น ถ้านายกฯ ชี้แจงเคลียร์ชัดขนาดนี้ แล้วยังไม่สามารถไปด้วยกันได้ก็ต้องพิจารณากันตรงนั้นอยู่แล้ว


ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงโหวตรับร่างพรบ.งบประมาณ ว่า  ดูจากคะแนนเสียงแล้วทำให้เสียงของรัฐบาลมีความมั่นคง ส่วนที่เพิ่มมา 16 เสียงไม่ได้เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล หากส.ส.คนใดเห็นว่า มีงบประมาณที่สามารถนำไปพัฒนา พื้นที่จังหวัดของแต่ละคน และสมาชิกเห็นชอบเห็นว่ามีประโยชน์ ตอบประชาชน ก็มีสิทธิที่จะเห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชน เป็นเรื่องประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองมากกว่า

 

ถามว่ามีกระแสข่าวว่าเสียงที่เกินมาเป็นการดีลสำเร็จของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนตอบว่า “โอ้โห ให้ราคาขนาดนั้นเลยหรือ พรรคภูมิใจไทยพูดเสมอว่า สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฉบับนี้”


เมื่อถามว่าเป็นไปตามที่นายอนุทินเคยการันตีว่าเสียงอภิปรายในสภา จะผ่านฉลุยและรัฐบาลอยู่ครบเทอมเช่นนั้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าอยู่ที่เนื้อหามากกว่า การที่พ.ร.บ.งบประมาณได้รับความเห็นชอบ ด้วยเสียงที่ห่างกัน 92 เสียง ก็ทำให้เห็นว่า เนื้อหาของญัตติดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี