วิบากกรรม“ปริญญ์ พานิชภักดิ์” สู้ข้อหาอนาจาร-ข่มขืน

17 เม.ย. 2565 | 00:30 น.

วิบากกรรม “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” เจอข้อกล่าวหารุนแรงที่สุดในชีวิต “อนาจาร-ข่มขืน” เผยอัตราโทษตามกฎหมายถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

ภายหลัง “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผชิญกับการถูกกล่าวหาลวนลาม อนาจาร “ภรรยาไฮโซลูกนัท” จนต้องลาออกจากทุกตำแหน่งการเมืองภายในพรรคปชป. เพื่อต่อสู่กับข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงดังกล่าว 


และได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.65 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น ทาง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา รวม 3 สำนวน กับ นายปริญญ์ คือ  

 

 

1.ข้อหาอนาจาร 2 สำนวน สำนวนแรก คือ คดีต้นเรื่อง ที่มีการเข้าร้องทุกข์ต่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และสำนวนที่สอง เป็นคดีนักศึกษา 18 ปี ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา 

 

และ 2.ข่มขืน คือคดีในส่วนของภรรยานักเคลื่อนไหวการเมือง ส่วนของผู้ร้องทุกข์รายอื่นจะมีการโอนสำนวนไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนายปริญญ์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา ประกอบด้วย กระทำอนาจาร 2 ข้อหา และ ข่มขืนกระทำชำเรา 1 ข้อหา โดยผู้ต้องหาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป


พล.ต.ต.จิรสันต์  กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่เตรียมขอหมายจับ แต่ผู้ต้องหามามอบตัวก่อนจึงได้ดำเนินแจ้งข้อหา ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่มีควบคุมตัว จึงต้องขอศาลออกหมายขัง แต่วันนี้ติดช่วงสงกรานต์ศาลปิดทำการ จึงนัดผู้ต้องหาไปพรุ่งนี้(17 เม.ย.) ในเวลา 08.00น.  แต่ถ้าพรุ่งนี้ผู้ต้องหาไม่มาตามนัดเจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุมทันทีโดยไม่ต้องมีหมายจับ


โดยมีรายงานว่า  ในวันที่ 17 เม.ย.นี้  ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้นัด นายปริญญ์ เพื่อนำตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้


สำหรับความผิดฐาน “กระทำอนาจาร” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ระบุไว้ว่า ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท


ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต


ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต


ขณะที่ มาตรา 278 ระบุว่า ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”


ส่วนโทษตามความผิดฐาน “ข่มขืน” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่า ตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000-400,000 บาท


ถ้าผู้กระทำมีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 140,000-400,000 บาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง หรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 300,000-400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต


ถือเป็น “วิบากกรรม” ของ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ที่ต้องมาเผชิญกับข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดในชีวิติ 


ส่วนผลสุดท้ายจะลงเอยเช่นไร “ศาลอาญา” จะเป็นผู้ให้คำตอบ...