ส่อง “5 นายกอบจ.” โดนกกต.ฟัน 1 ใบดำ 1 ใบแดง 4 ใบเหลือง รอศาลอุทธรณ์ชี้ชะตา

14 เม.ย. 2565 | 02:43 น.

ส่อง 5 นายกอบจ. “สระแก้ว-สุราษฎร์ธานี-ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์-สมุทรสาคร”โดนกกต.ฟัน 1 ใบดำ 1 ใบแดง และ 4 ใบเหลือง รอศาลอุทธรณ์ชี้ชะตา

ควันหลงจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกอบจ.) เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2563 ผ่านมาแล้วกว่า 1 ปี 4 เดือน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้ง และได้มีมติทั้งสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร-ดำเนินคดีอาญา (ใบดำ) , เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง-ดำเนินคดีอาญา(ใบแดง) และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) แล้วจำนวน 5 ราย


+นายกอบจ.สระแก้วหัวคะแนนให้เงินซื้อเสียง


ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2565  กกต.ได้เผยแพร่มติการให้ใบเหลือง กับ นายกอบจ.สระแก้ว "ขวัญเรือน เทียนทอง" แม่รมว.ศึกษาธิการ จากกรณีหัวคะแนนให้เงินซื้อเสียง เข้าลักษณะเป็นการจัดทำให้เสนอให้สัญญาว่าจะให้ หรือ เตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์ไปลงคะแนนให้แก่ นางขวัญเรือน

เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งนายกอบจก.สระแก้ว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ นางขวัญเรือน เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามพ.ร.บเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง โดยให้สำนักงานกกต.ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.สระแก้วใหม่ 

 

+นายกอบจ.สุราษฎร์ผู้ช่วยให้ซองบุญบวชพระ

 

อีกใบเหลืองให้กับ นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี "พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว" จากกรณีผู้ช่วยหาเสียงให้ซองบุญบวชพระ เข้าลักษณะเป็นการจัด ทำให้เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณ เป็นเงินได้แก่ผู้ใดและช่วยเหลือเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามปกติประเพณีต่างๆ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนอยู่พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นมาตรา 65 ( 1) และระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2563 ข้อ 23(5) 

ให้สำนักงาน กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.สุราษฎร์ธานีใหม่ ตามพ.ร.บเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง  


+นายกอบจ.ร้อยเอ็ดได้ทั้งใบดำ-ใบแดง


ย้อนไปก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 กกต.ได้มีมติเสียงข้างมากเห็นควรเสนอศาลอุทธรณ์ภาค พิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร(ใบดำ) และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)  นายเอกภาพ พลซื่อ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด (นายกอบจ.ร้อยเอ็ด) เนื่องจากปราศรัยใส่ร้ายนายมังกร ยนต์ตระกูล ผู้สมัครนายกอบจ. หมายเลข 3 กลุ่มเพื่อไทยร้อยเอ็ด


มีเนื้อหาทำนองว่า ในการเลือกตั้งนายกอบจ.เมื่อปี 2551 ได้ส่งนางรัชนี พลซื่อ ภรรยาลงสมัครแข่งกับนายมังกร ซึ่งเมื่อนับคะแนนภรรยามีคะแนนนำ แต่เมื่อไฟดับผลคะแนนก็เปลี่ยนแปลงไป  ถือว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562  มาตรา 65 ( 5)

 

โดยสำนักงานกกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อพิจารณาตามมาตรา 108  และมาตรา 109  ของกฎหมายเดียวกัน ที่กำหนดว่า ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่า ผลการเลือกตั้งเกิดจากการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัคร หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้ที่กระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมเป็นเวลา 10 ปี


ทั้งนี้ หากศาลอุทธรณ์ภาคมีคำสั่งตามที่กกต.เสนอ จนเป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ นายเอกภาพ ก็ต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งอบจ.ด้วย 
โดยในการเลือกตั้ง อบจ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 นายเอกภาพ ได้รับเลือกตั้งชนะ นายมังกร ยนต์ตระกูล ผู้สมัครกลุ่มเพื่อไทยร้อยเอ็ด อดีตนายกอบจ. 2 สมัย กว่า 6 พันคะแนน


+ “เอกภาพ”หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.ร้อยเอ็ด


ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2565 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีประกาศแจ้งวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ลต. อบจ.2/2565 ระหว่าง กกต. ผู้ร้องกับ นายเอกภาพ พลซื่อ  นายกอบจ.ร้อยเอ็ด ผู้คัดค้าน เรื่องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่  ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง  


โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว และนัดตรวจพยานหลักฐานไปเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา  


การรับคำร้องของศาลส่งผลให้ นายเอกภาพ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.ร้อยเอ็ด ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา


+นายกอบจ.กาฬสินธุ์เจอปมให้เก็บป้ายหาเสียงไว้ใช้ได้


ถัดมาวันที่ 14 ก.พ.2565 เว็บไซด์สำนักงาน กกต. ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.กาฬสินธุ์ใหม่ แทน นายชานุวัฒน์ วรามิตร ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง และให้ดำเนินคดีอาญากับนายอนุชา สิงหะดี ตามมาตรา 65 ( 1)ประกอบมาตรา 126 ของกฎหมายเดียวกัน  


ในส่วนของนายชานุวัฒน์ เป็นกรณีที่ กกต.เห็นว่าการที่ นายอนุชา สิงหะดี ผู้ช่วยหาเสียงของนายชานุวัฒน์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเก็บป้ายหาเสียงของนายชานุวัฒน์ไปใช้ประโยชน์ได้ฟรี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการ จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชานุวัฒน์  เป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาตรา 108 วรรคสองพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562


ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2565 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้ประกาศ แจ้งวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ลต. อบจ.1/2565 ระหว่าง กกต. ผู้ร้องกับ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายกอบจ.กาฬสินธุ์ เรื่องขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้วและนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 มี.ค.25 65 ที่ผ่านมา


ขณะนี้ นายชานุวัฒน์ ต้องหยุดปฏิติหน้าที่นายกอบจ.กาฬสินธุ์ ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา


+นายกอบจ.สมุทรสาครเจอปมฝากเด็กเข้าโรงเรียน


วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 15 ก.พ. 2565 กกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) สมุทรสาครใหม่ (ใบเหลือง) แทน นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ 


และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสุรวัช เรืองศรี สมาชิกสภาอบจ. อ.กระทุ่มแบน เขตเลือกตั้งที่ 5 ตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับ นายสุรวัช ตามมาตรา 65(1)ประกอบมาตรา 126  


เนื่องจากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ประมาณเดือนต.ค.-พ.ย. 2563 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้โทรศัพท์ติดต่อโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อย้ายนักเรียนซึ่งเป็นหลานสาวเข้าเรียน ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวแนะนำว่า นักเรียนต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ผู้มีสิทธิ์คนดังกล่าวจึงได้ติดต่อ นายสุรวัช และได้รับคำแนะนำว่าให้ไปพบกับบิดาตน ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน  


หลังจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวได้พบกับบิดาของนายสุรวัช แล้วก็ได้ไปติดต่อที่สำนักทะเบียนดำเนินการย้ายชื่อนักเรียนคนดังกล่าว เข้าบ้านเลขที่ของโรงเรียนและสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว จากนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวได้ส่งข้อความขอบ คุณนายสุรวัช ทางแอพพิลเคชั่นไลน์ที่ นายสุรวัช และบิดา ของนายสุรวัฒน์ช่วยเหลือให้หลานสาวได้เข้าโรงเรียนตามที่ประสงค์ 


โดยปรากฏภาพการสนทนาที่ นายสุรวัช ได้นำไปโพสต์ในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ"สุรวัช เรืองศรี" เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 ประกอบกับจากการตรวจสอบใบแจ้งการย้ายที่อยู่ปรากฏว่า ในช่องลงชื่อเจ้าบ้านยินยอมให้ย้ายเข้ามีการพิมพ์ชื่อของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกระทุ่มแบนเป็นผู้ได้รับมอบหมาย ซึ่งน่าเชื่อว่าบิดาของนายสุรวัฒน์ได้ดำเนินการช่วยเหลือย้ายชื่อของนักเรียนคนดังกล่าว เข้าทะเบียนบ้านของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อให้นักเรียนคนดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ที่สามารถเข้าเรียนได้  


การที่ นายสุรวัช โพสต์บทสนทนาระหว่างตนกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวในบัญชีเฟซบุ๊กของตนว่า "ได้ช่วยฝากหลานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวลงคะแนนให้แก่นายอุดม" การกระทำของนายสุรวัช จึงมีลักษณะเป็นการแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชนหรือสมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊ก ที่พบเห็นให้ลงคะแนนให้แก่นายอุดม 


จึงเข้าลักษณะเป็นการจัดทำ ให้ เสนอให้สัญญา ว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายอุดม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65(1) 


โดย นายอุดม ย่อมได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนายสุรวัช เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.สมุทรสาครในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ นายอุดม เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น2562 มาตรา 108 วรรคสอง


ขณะนี้ศาลได้รับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณา และสั่งให้ นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.สมุทรสาคร ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา


นายกอบจ.ทั้ง 5 ราย 5 จังหวัด ใครจะเจอศาลสั่งให้ใบดำ ใบแดง หรือ ใบเหลือง ตามคำร้อง กกต.บ้าง ต้องคอยติดตามกันต่อไป...