คอลัมน์ เจาะสนามเลือกตั้ง อบจ. โดย ทีมข่าวการเมือง
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,629 หน้า 10 วันที่ 22 - 25 พฤศจิกายน 2563
สนามเลือกตั้งชิงนายก อบจ.ภูเก็ต ครั้งนี้ เป็นอีกแห่งที่ไม่มี “แชมป์เก่า” ลงชิงชัย เนื่องจาก นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ที่ขึ้นนั่งเป็นนายก อบจ.ภูเก็ต บริหารงานต่อสมัยที่ 2 จนเหลืออีกแค่ 8 เดือนจะครบวาระ ก็จากไปเสียก่อนด้วยโรคมะเร็งลำไส้เมื่อปี 2558 ช่วงรัฐบาลคสช. ปลัดอบจ.ภูเก็ต จึงปฎิบัติราชการแทน
หลังปิดรับสมัครมีผู้ลงสนามท้าชิงเก้าอี้นายก อบจ. 5 คน และสมาชิกสภา อบจ. ภูเก็ต ทั้งสิ้น 77 ราย แต่ที่มีความพร้อม ลงสนามชิงทั้งเก้าอี้ฝ่ายบริหาร และจัดทีมส่งชิงส.อบจ.ครบทั้ง 24 เขต และมีโอกาสขับเคี่ยวชิงชัยกัน 3 คน ที่มาลงสมัครเปิดตัวตั้งแต่วันแรก คือ
หมายเลข 1 “โกยุส” จิรายุส ทรงยศ ในนามทีม “คนบ้านเรา” “โกยุส” เป็นที่ปรึกษาเก่าของนายไพบูลย์ เมื่อนายไพบูลย์ เสียชีวิต นายจิรายุส เปิดตัวชัดเจนว่าจะลงสนามนี้และทำงานในพื้นที่เรื่อยมา โดยยังคงใช้ชื่อทีม “คนบ้านเรา” ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนายไพบูลย์ และมีส.อบจ.บางส่วนที่ยังร่วมงานมาลงสนามต่อในปีนี้
แวดวงกองเชียร์การเมืองท้องถิ่นภูเก็ต ชี้ว่า สนามนี้จะเป็นการช่วงชิงคะแนนกันระหว่างหมายเลข 1 นายจิรายุส ทรงยศ กับ นายเรวัต อารีรอบ ที่ได้หมายเลข 2 ทีม “ภูเก็ตหยัดได้” โดยเป็นการวัดกำลังระหว่างฐานเสียงพื้นฐานพรรคการเมืองระดับชาติคือ ประชาธิปัตย์ กับ ความเหนียวแน่นของเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นภูเก็ตเดิม
โดยมีหมายเลข 3 นายสรวุฒิ ปาลิมาพันธ์ ในนามคณะก้าวหน้าภูเก็ต มีโอกาสเบียดแทรกเข้าเส้นชัย หากกระแส “คนรุ่นใหม่” ของการเมืองภาพใหญ่แรงจัด
สำหรับ นายเรวัต อารีรอบ อดีตส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีสาธารณสุข (นายสาธิต ปิตุเตชะ) ขอมาลงสนามอาสาบริหารงานท้องถิ่นครั้งนี้
ครั้งนี้แม้ เรวัต ไม่ได้ลงสนามในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยภูมิหลังและสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันยาวนาน มีฐานเสียงในพื้นที่ไม่น้อย ในห้วงที่ผ่านมายังทำงานเกาะติดพื้นที่ตลอด และค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของคนในพื้นที่ด้วยเป็นคนอัธยาศัยดี เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม และเป็นนักประสานที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เชื้อโควิด-19 ระบาด เรวัตเป็นตัวเชื่อมนำงานด้านสาธารณสุขลงพื้นที่ภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงเท่านี้ ในวันลงสมัครรับเลือกตั้งชิงนายก อบจ.ที่ผ่านมา “เจ้กี่” ธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ที่เคยเปิดตัวสนใจจะลงชิงนายก อบจ.หลังนายไพบูลย์เสียชีวิตไม่นาน เดินทางมายังสถานที่เปิดรับสมัครด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้ลงสมัคร หากแต่มาเชียร์และให้กำลังใจทีม “ภูเก็ตหยัดได้” ส่งสัญญาณพร้อมเทฐานเสียงที่มีมาหนุน”เรวัต”
“เจ้กี่” อดีตส.ว.ภูเก็ต และอดีตประธานกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา และเป็นภริยานายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการ โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เครือโรงแรมใหญ่แถวหน้าของภูเก็ต
ส่วนหมายเลข 3 นายสรวุฒิ(อัฐ) ปาลิมาพันธ์ นักธุรกิจภูเก็ต จากครอบครัวนายหัวอีกตระกูลของภูเก็ต ลงสนามการเมืองเป็นครั้งนี้เป็นครั้งแรก ในนามคณะก้าวหน้าภูเก็ต มุ่งโชว์นโยบายหวังจับกระแสเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เทเสียงสนับสนุน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่
โดยสนามภูเก็ตเป็นอีกแห่งที่ “คณะก้าวหน้า” หวังปักธงการเมืองท้องถิ่น และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มีกำหนดการมาลงพื้นที่ช่วงเดินสายภาคใต้ แต่ “ปรากฎการณ์นครศรีฯ” ที่มวลชนเสื้อเหลืองบุกโรงแรมต่อต้าน “ธนาธร” และเครือข่าย และลุกลามขยายวงไปในหลายพื้นที่รวมทั้งที่ภูเก็ต ที่คณะก้าวหน้ามีนัดหมายเปิดตัวทีมผู้สมัครและนโยบายการบริหารงาน จนสั่งยกเลิกกระทันหัน
ทั้งนี้ กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เชียร์คณะก้าวหน้าคงเทเสียงให้ “สรวุฒิ” ขณะที่กลุ่มเสื้อเหลืองที่ยังไงไม่เลือกตัวแทนของคณะก้าวหน้าแน่ๆ ต้องหันมาเลือก “เรวัต” หรือ “โกยุส” ขึ้นอยู่กับว่าชื่นชอบสไตล์การบริหารแบบไหน
ปัญหาอีกข้อของเยาวชนคนรุ่นใหม่กลุ่มเป้าหมายของ “สรวุฒิ” คือ คนกลุ่มนี้จำนวนมากไปเรียนหรือทำงานนอกจังหวัด ขณะที่การเลือกตั้งนายก อบจ.เวลานี้ชัดเจนแล้วว่าไม่จัดให้ลงคะแนนล่วงหน้า จึงอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้กลุ่มนี้ดั้นด้นกลับบ้านมาลงคะแนนในวันเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด
นาทีนี้จึงเป็นการเบียดชิงกันระหว่าง “เรวัต” กับ “สรวุฒิ” โดยมี “จิรายุส” เป็นตัวแทรก ที่อาจทะลุเข้าเส้นชัยได้ หากเครือข่าย “ท้องถิ่น” ยังเหนียวแน่นและเทคะแนนให้เป็นกอบเป็นกำ
ขณะที่ผู้สมัครที่เหลือ คือ หมายเลข 4 นายทรงศักดิ์ สวนอักษร ทีมภูเก็ตปุ้นเต่ อาชีพทนายความ และหมายเลข 5 นายปัญญา ไกรทัศน์ ข้าราชการบำนาญ มาเพื่อสร้างความคึกคักให้การเลือกตั้งครั้งนี้