ถึงเวลาแล้วปฏิรูปตำรวจ-อสส.หลังคดี “บอส อยู่วิทยา” พ่นพิษ

03 ส.ค. 2563 | 07:07 น.

“ชาติชาย” เผยนิทานเรื่องนี้หยุดไม่ได้สังคมต้องการเปลี่ยนแปลง ชี้คดีบอส อยู่วิทยา นำไปสู่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครบวงจร

ศาสตราจารย์ ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับคดีของ “บอส อยู่วิทยา” ว่า นิทานเรื่องนี้ หรือ กรณีเรื่องนี้หยุดไม่ได้เพราะสังคมต้องการเปลี่ยนแปลง และ กรณีนี้จะนำไปสู่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครบวงจร เริ่มต้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานคณะกรรมการอัยการสูงสุด หรือ อสส.เพราะสังคมได้ตื่นตัวในคดีนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการอัยการสูงสุดเพื่อผดุงความเป็นธรรมการปรับเปลี่ยนในช่วงเวลานี้เป็นจังหวะดีที่สุด ส่วนคดีความหากมีหลักฐานใหม่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นผลของโคเคน หรือข้อโต้แย้งความเร็วรถยนต์ สามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้

“ผมคิดว่ารื้อคดีแน่ สังคมรับรู้เรื่องนี้และต้องการให้มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานอัยการสูงสุด ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูป”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับพิรุธ “อัยการ” ชักเข้าชักออก คดี “บอส อยู่วิทยา”

 

นายกฯเล็งใช้อำนาจรื้อคดี“บอส อยู่วิทยา”

 

“อัยการ”ได้ข้อสรุป-ข้อเสนอแนะคดี"บอส อยู่วิทยา"แถลงพรุ่งนี้

คดีบอส อยู่วิทยา “สมัคร เชาวภานันท์” ทนายความเปิดปากครั้งแรก

 

 

 

ก่อนหน้านี้ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาเกี่ยวกับคดีของ "บอส อยู่วิทยา" หรือ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ชนตำรวจ : นักกฎหมายเห็น สังคมรู้สึก คำถามที่กระบวนการยุติธรรมต้องตอบ ว่า หากกระบวนการยุติธรรมไทยเราน่าเชื่อถือ คงไม่ต้องจัดเสวนาในวันนี้ เพราะปัญหาคือ เรากำลังสงสัยในความน่าเชื่อถืออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นครั้งที่ร้อนแรงที่สุด เทียบเคียงได้กับคดีเชอรี่แอน

ขณะที่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการศูนย์พัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) สำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ ต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม และ ระบบการปกครองโดยกฎหมายเกิดขึ้นจริงในสังคมไทย คือ เป็นประเทศที่มีระบบนิติรัฐนิติธรรม (Rule of Law) อันเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นแล้ว โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่อาศัยการลงทุนจากต่างชาติจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาก็จะมีแต่ นักลงทุนอีแร้ง ไม่ยึดถือธรรมาภิบาล มาใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย และ ความยุติธรรมที่ซื้อหาได้ นักลงทุนเหล่านี้ก็จะแสวงหาผลกำไรสูงสุดโดยไม่มีจริยธรรมและไม่เป็นไปตามกฎหมาย แล้วหนีจากประเทศไทยไปเมื่อวิกฤติหรือไม่มีอะไรให้ตักตวงแล้ว หากเราทำให้ระบบยุติธรรมมีความน่าเชื่อถือและบังคับใช้กฎหมายได้ นักลงทุนที่ยึดถือความเป็นธรรม ยีดถือหลักการที่เป็นมาตรฐานสากลจะหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่างๆก็จะมีการเปิดเผยและโปร่งใสเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรมระหว่างนักลงทุนและผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ การลงทุนที่มีคุณภาพเหล่านี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยรวมมากกว่า

 

                       ถึงเวลาแล้วปฏิรูปตำรวจ-อสส.หลังคดี “บอส อยู่วิทยา” พ่นพิษ