ส่ง UAV บินลาดตระเวน! คุมประมงผิดกฎหมายทะเลไทย

15 มิ.ย. 2561 | 13:16 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

พล.อ.ฉัตรชัย ติดตามการใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ตรวจทางทะเล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจตรา ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงในพื้นที่อ่าวไทย

วันที่ 14 มิ.ย. 2561 เว็บไซต์ www.thaigov.go.th เผยแพร่ข่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ซึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารเรือ , ผู้บัญชาการทหารอากาศ , นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , รองปลัดกระทรวงแรงงาน และอธิบดีกรมประมง ได้เดินทางไปสนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อติดตามและเยี่ยมชมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ตรวจทางทะเล เพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจตรา ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงในพื้นที่อ่าวไทย โดยมี พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้นำเสนอภาพรวมการปฏิบัติ


13042_S__55853072

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV เป็นการนำเทคโนโลยีการตรวจการทางอาการของกองทัพอากาศ ซึ่งมีอยู่เดิม ปกติใช้ในภารกิจด้านความมั่นคง เพื่อการป้องกันประเทศ มาประยุกต์ใช้กับการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจตรา ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแอบเข้ามาทำประมงในน่านน้ำไทยโดยเรือประมงต่างชาติ

สำหรับการทำงานของ UAV จะออกทำการตรวจใน 2 รูปแบบ คือ 1.การป้องปราม โดยการออกตรวจตามแผนงาน หากพบการกระทำความผิดในทะเลจะส่งข้อมูลไปที่ศูนย์ติดตามและเฝ้าระวังการทำประมง (FMC) เพื่อประสานหน่วยตรวจในทะเลและศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย และ 2.การปราบปราม เมื่อศูนย์ FMC ของกรมประมงตรวจพบพฤติกรรมการทำประมงผิดกฎหมาย ผิดปกติ จากระบบ VMS จะส่งข้อมูลมาให้ UAV ขึ้นตรวจทางอากาศ เพื่อสอบการกระทำความผิดและประสานหน่วยตรวจในทะเลและศูนย์ PIPO ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเช่นเดียวกัน


ra81

โดยแผนการดำเนินการอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV ที่นำมาใช้ในการตรวจทางอากาศนั้น ระยะแรก ทางกองทัพอากาศให้การสนับสนุนจำนวน 1 เครื่อง โดยกำหนดแผนการตรวจร่วมกับศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เน้นพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก และตอนกลาง ซึ่งเขตน่านน้ำไทยติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน และในระยะที่ 2 จะดำเนินการขยายพื้นที่ไปยังอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป และระยะที่ 3 ครอบคลุมพื้นที่ทางทะเลอันดามัน โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือนหลังจากนี้

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยี UAV จะทำให้ประสิทธิภาพการตรวจตรา ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง มีประสิทธิผลสูงขึ้น สามารถจำแนกเรือประมงที่ปฏิบัติผิดกฎหมายออกจากเรือประมงที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากระบบตรวจทางอากาศสามารถแก้ไขปัญหาข้อจำกัดในการทำงานของหน่วยตรวจทางทะเลได้ เพราะเห็นภาพรวมมุมกว้าง ประกอบกับเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลด้วยระบบบันทึกภาพดิจิตอลที่ทันสมัย จะทำให้เห็นพฤติกรรมการทำผิดกฎหมายของเรือประมงที่ผิดกฎหมายได้อย่างชัดแจ้ง สามารถใช้เป็นหลักฐานในการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ทั้งการดำเนินมาตรการปกครองและมาตรการอาญา ทำให้เรือประมงที่ปฏิบัติผิดกฎหมายต้องออกจากระบบการประมงไทยในที่สุด สอดคล้องกับเป้าหมายการทำประมงอย่างยั่งยืน ที่ประเทศไทยตั้งใจไว้

อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ชาวประมงที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับประโยชน์จาก UAV เป็นอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีการลาดตระเวนทางอากาศจะสามารถชี้เป้าหมายให้หน่วยตรวจในทะเล สามารถจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวประมงมาโดยตลอด ที่สำคัญ สามารถสร้างความมั่นใจว่า ภาครัฐให้การคุ้มครองการทำประมงที่ถูกกฎหมายอย่างทั่วถึง


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ปลุกประมงพื้นบ้าน1.5 หมื่นลำเร่งต่อใบอนุญาตใช้เรือก่อนเป็นเรือเถื่อน
"ประมงไทย" เกินดุลแสนล้าน ส่ง17 ลำลุยน่านนํ้าอินเดีย-นายจ้างโอด ต้นทุนพุ่ง!


e-book-1-503x62-7