ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวนายิกา ศิลารัตน์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน กล้าตะวัน ตัดผมชาย ตั้งอยู่เลขที่ 149/4 ม7 ต ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตั้งเก้าอี้หนึ่งตัวไว้ที่ด้านหน้าร้าน ซึ่งเป็นสนามหญ้า นอกชายค้าบ้าน เพื่อให้บริการตัดผมสำหรับลูกค้าที่เป็นขาประจำ และจองคิวนัดหมายเวลามาก่อนล่วงหน้า
โดยนางสาวนายิกา ซึ่งเป็นช่างตัดผม จะสวมใส่ชุดพีพีอี สวมหน้ากากอนามัย ใส่เฟชชิลด์กันหน้า พร้อมสวมถุงมือยาง สวมถุงเท้ารองเท้าหุ้มส้น ขณะที่ลูกค้าซึ่งมารับบริการตัดผมก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย(แมส) ฉีดพ่นแอลกอฮอร์ ก่อนทุกครั้ง
นางสาวนายิกาเล่าว่า ตนเองมีอาชีพตัดผมชาย เปิดร้านมานานกว่า 20 ปี ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องปิดร้านตัดผม ไม่รับตัดผมให้ใครทั้งสิ้น และหันไปยึดอาชีพใหม่ คือการปลูกต้นไม้ประดับขายทางออนไลน์ ซึ่งก็ทำรายได้ดี และไม่ต้องกังวลเรื่องติดเชื้อ ก็มีรายได้ดี ไม่ต้องกลัวการติดเชื้อ
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้ามาขอร้องให้ตัดผมให้ บ้างก็มาที่ร้าน บ้างก็โทรศัพท์มาหา มีทั้งขาจรและขาประจำ ก็ต้องปฏิเสธไปทุกราย เพราะหวั่นกลัวกับโรคโควิด-19 จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานเข้า ทราบว่าลูกค้าหลายคนต้องลำบากที่ผมยาว และหาร้านตัดผมไม่ได้ ทั้งลำคาญและรู้สึกไม่สบาย
อีกทั้งการตัดผมก็เป็นอาชีพของตนที่ทำมานาน จึงคิดหาวิธีการที่จะทำให้อยู่กันได้อย่างปลอดภัย โดยไปซื้อชุดพีพีอีมาสามชุด เพื่อสวมใส่ขณะตัดผมให้กับลูกค้า ทั้งนี้ยังไม่ต้องเปิดร้านในช่วงนี้ แต่จะตัดผมให้กับลูกค้าประจำ ที่ต้องการให้ช่วยตัดผมให้เท่านั้น
รวมทั้งลูกค้าต้องนั่งตัดนอกร้านกลางแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค และจะรับลูกค้าที่จองคิวเพียง3คนต่อวัน ช่วงเช้า 1 คน ช่วงบ่าย 2 คน ทุกครั้งที่ตัดผม จะเช็ดล้างฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนและหลัง ส่วนชุดพีพีอีหลังตัดผมเสร็จ1คน ก็จะถอดซักตากแดด คนต่อไปก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ หากฝนตกก็ไม่ตัด เพื่อความปลอดภัยด้วยกันทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การตัดผมของช่างตัดผมนายิกา ถึงแม้จะให้ลูกค้านั่งตัดกันที่กลางแดดจัดต้องอดทนกับความร้อนเพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรค และช่างเองก็ต้องร้อนจัดและอบอ้าวเพราะอยู่ในชุดพีพีอี
แต่ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการตัดผม ช่างจึงตัดได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว โดยไม่มีการโกนหนวดเครา และบริการอื่น ๆ ในช่วงโควิด-19 จึงใช้เวลาไม่นานในการตัดแต่ละหัว
ไม่ว่าจะเป็นผมรองทรง หรือสกินเฮด และทรงอื่น ๆ ก็ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ก็ออกมาหล่อเสร็จทุกคน