ก้าวเข้าสู่ปี 2569 เศรษฐกิจไทยยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางแรงกดดันเชิงโครงสร้างที่สั่งสมต่อเนื่องหลายปี ขณะเดียวกัน กระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเร่งความเร็วอย่างก้าวกระโดด
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่เพียงว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้แค่ไหน แต่คือ AI จะกลายเป็น “ตัวช่วย” ในการปลดล็อกศักยภาพ หรือกลับเป็น “ความเสี่ยงใหม่” ที่ซ้ำเติมข้อจำกัดเดิม
ท่ามกลางบริบทดังกล่าว นักวิเคราะห์จำนวนมากเริ่มปรับมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดการณ์ว่า GDP ไทยในช่วงปี 2568–2570 จะขยายตัวเพียง 2.2% , 1.5% และ 2.3% ตามลำดับ
สะท้อนความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะเติบโตต่ำกว่า 2% ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
แรงกดดันดังกล่าวมีรากฐานจากเศรษฐกิจปี 2568 ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นข้อจำกัดสำคัญ แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP หลังปรับฤดูกาลจะทยอยลดลงมาอยู่ที่ 87% ณ ไตรมาส 2 ปี 2568 แต่โครงสร้างหนี้ยังสะท้อนความเปราะบาง
โดยเกือบ 30% เป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ภาระหนี้ที่กดทับกำลังซื้อของครัวเรือนยังจำกัดการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งควรเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนราว 20% ของ GDP ประเทศไทย ยังคงไม่สม่ำเสมอ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายเดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤศจิกายน 2568 ต่ำกว่าปี 2567 ทุกเดือน
เมื่อพิจารณายอดสะสมช่วง 11 เดือนแรกของปี พบว่าลดลงเกือบ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปมากกว่าหนึ่งในสาม แม้ตลาดอินเดียจะเติบโตมากกว่า 16% แต่ยังไม่เพียงพอจะชดเชยการหดตัวของตลาดหลัก
ด้านภาคการค้า แม้ตัวเลขการส่งออกในช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2568 จะขยายตัวถึง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร แผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตว่า การขยายตัวดังกล่าวอาจเป็นผลจากการเร่งส่งออก (front-loading) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้กรอบ “ภาษีทรัมป์” มากกว่าจะเป็นสัญญาณของอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้กรอบ “ภาษีทรัมป์” มากกว่าจะเป็นสัญญาณของอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้าอุตสาหกรรมไทย ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 81% ของมูลค่าส่งออกรวม
ภาพดังกล่าวสะท้อนชัดเจนขึ้นเมื่อมองไปที่ภาคการผลิต ทัศดา แสงมานะเจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ แผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย ระบุว่า ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) เฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 ลดลง 1% และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมคาดว่า MPI ทั้งปีอาจหดตัว 0.75% ขณะที่ปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1–2% เท่านั้น
อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงต่อเนื่องจนมาอยู่ต่ำกว่า 60% สะท้อนว่า ภาคการผลิตยังไม่สามารถกลับมาใช้ศักยภาพได้เต็มที่ ท่ามกลางแรงกดดันจากสินค้านำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
ท่ามกลางข้อจำกัดเชิงโครงสร้างเหล่านี้ AI กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างกว้างขวางในห้องประชุมบอร์ดบริหาร แต่ความท้าทายที่แท้จริงของธุรกิจไทยไม่ได้อยู่ที่ “การมี AI” แต่อยู่ที่ “การทำให้ AI สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ” ผลสำรวจ Digital Transformation Survey 2025 ของดีลอยท์ ประเทศไทย ชี้ว่า มีองค์กรไม่ถึง 20% ที่นำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
ขณะที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนหรือทดลองใช้ สะท้อนว่า AI ในปัจจุบันยังถูกมองเป็นเครื่องมือด้านประสิทธิภาพ มากกว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนเชิงกลยุทธ์
แม้ในระดับผู้บริโภค คนไทยจะมีการเข้าใช้งานแพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT เกือบ 41 ล้านครั้งต่อเดือน ตามข้อมูลของ We Are Social แต่สำหรับภาคธุรกิจ ความได้เปรียบไม่ได้เกิดจากการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว หากเกิดจากการบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการทำงานจริง ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานแนวหน้า การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงการสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร
อีกหนึ่งข้อจำกัดสำคัญคือความพร้อมของบุคลากร ช่องว่างด้านทักษะ โดยเฉพาะความเข้าใจด้านข้อมูลและการกำกับดูแล AI ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานจริง มากกว่าความกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่แรงงาน ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่การออกแบบบทบาทใหม่ที่มนุษย์และเทคโนโลยีสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดีลอยท์มองว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่ธุรกิจไทยต้องเผชิญความท้าทายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ แรงกดดันด้านความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ภายใต้ข้อจำกัดด้านต้นทุนและทรัพยากร ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ สงคราม ภัยธรรมชาติ และนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงโจทย์สำคัญของการเปลี่ยนจาก “การทดลอง AI” ไปสู่ “การใช้งานจริงบนความเป็นจริงขององค์กร”
ท้ายที่สุด AI จะไม่สามารถเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในปี 2569 คือความสามารถของธุรกิจไทยในการเปลี่ยนความตั้งใจให้เป็นการปฏิบัติ ผ่านการลงทุนอย่างมีวินัย การพัฒนากำลังคน และการตั้งความคาดหวังบนพื้นฐานของความเป็นจริง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังเติบโตต่ำและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน