ครม.ไฟเขียวงบกว่า 5 พันล้าน เสริมศักยภาพทุกเหล่าทัพปกป้องอธิปไตย

23 ธ.ค. 2568 | 08:10 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2568 | 08:20 น.

ครม.อนุมัติงบกลางหนุนกองทัพบก 206 ล้านบาท พร้อมเห็นชอบงบฉุกเฉินอีกกว่า 5,050 ล้านบาท เสริมเขี้ยวเล็บกองทัพไทยทุกเหล่าทัพ สมช.ขอขยายเวลาเยียวยาผลกระทบไทย-กัมพูชา

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบกลางปี 2569 วงเงินรวมกว่า 5 พันล้านบาท ให้กระทรวงกลาโหมเพื่อสนับสนุนภารกิจของทุกเหล่าทัพ ในการเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงและปกป้องอธิปไตย
  • งบประมาณดังกล่าวแบ่งเป็นเงินสนับสนุนกองทัพบก 206 ล้านบาท และอีก 5,050 ล้านบาทสำหรับกองทัพไทยและเหล่าทัพต่างๆ โดยรายละเอียดการใช้จ่ายถูกจัดเป็นชั้นความลับ
  • ครม. ยังมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ให้ครอบคลุมต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

วันที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุน กองทัพบก ในการจัดหายุทธภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพกำลังพล วงเงิน 206 ล้านบาท โดยรายละเอียดอยู่ในชั้นความลับ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนรับทราบว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนกองทัพในการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบให้ กระทรวงกลาโหม ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของ กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เพิ่มเติม ภายในกรอบวงเงินรวม 5,050,871,138 บาท โดยรายละเอียดการใช้งบประมาณอยู่ในชั้นความลับเช่นเดียวกัน

นายสิริพงศ์ ระบุว่า การอนุมัติงบประมาณดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนกำลังพลอย่างเต็มที่ ต่อภารกิจด้านความมั่นคงที่กำลังปฏิบัติอยู่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และ ปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย

ขณะเดียวกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เสนอขอมติ ครม. เพื่อทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ซึ่งเดิมได้กำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีผลครอบคลุมช่วงวันที่ 16 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2568

อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวส่งผลให้ผู้ที่ประสบเหตุหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกรณีทหารเหยียบกับระเบิด หรือเหตุปะทะตามแนวชายแดนภายหลัง ไม่เข้าข่ายได้รับการเยียวยาตามหลักเกณฑ์เดิม

ด้วยเหตุนี้ สมช.จึงเสนอให้ ปรับมติ ครม.ใหม่ โดยใช้กรอบวงเงินเดิม แต่ขยายระยะเวลาการเยียวยาให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาจะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และรูปแบบการเยียวยายังคงเป็นไปตามเงื่อนไขเดิมทุกประการ

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การทบทวนมติดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้การช่วยเหลือทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน เป็นไปอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ยังไม่คลี่คลาย