พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างไรให้ถูกต้อง เช็คข้อมูลที่นี่

ผู้ขับขี่รถยนต์หลายคนอาจเคยประสบกับปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ และทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด ดังนั้นวิธีการแก้ไขเบื้องต้นคือการพ่วงแบตเตอรี่เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานต่อไปได้ ก่อนที่จะไปถึงมือช่าง อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่หลายคนอาจจะไม่มีความรู้หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการพ่วงแบตเตอรี่

ดังนั้นสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก จึงได้นำเสนอบทความวิธีการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ที่ถูกต้องปลอดภัยมานำเสนอ โดยมีขั้นตอนดังนี้  
 

วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ปลอดภัย 

• ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์และต้องปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน เพราะจะทำให้เกิดประกายไฟ ส่งผลให้เกิดการระเบิดได้

•  นำสายพ่วงสีแดง ต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกรถคันที่แบตเตอรี่หมดก่อน แล้วจึงต่อกับขั้วบวกของรถที่มาช่วย

• นำสายพ่วงสีดำ คีบที่ขั้วลบของรถคันที่มาช่วย และนำข้างที่เหลือหนีบโลหะเปลือยของรถคันที่แบตหมด ซึ่งส่วนมากต่อกับน็อตของเครื่องยนต์ ให้ห่างจากขั้วลบประมาณ 50 ซ.ม.

• สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่มีแบตเตอรี่ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที พร้อมเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อย เพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า

• สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่แบตเตอรี่หมด พร้อมเร่งเครื่องในอัตรา 1,500–2,000 รอบต่อนาที เพื่อตรวจสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้าหลังจากการชาร์จไฟแบตเตอรี่หรือไม่

• ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกตามลำดับ ได้แก่

1. ถอดสายคีบสีดำคันที่แบตหมดก่อน จึงถอดสายคีบสีดำของคันที่มาช่วย
2. ถอดสายคีบสีแดงคันที่มาช่วย ถอดสายคีบสีแดงคันที่แบตหมด 

อนึ่ง มีข้อควรระวังในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ดังนี้ 

• ไม่ต่อสายพ่วงเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ระเบิด

ทิ้งท้ายบทความแนะนำจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า แม้การพ่วงแบตเตอรี่จะสามารถทำเองได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากแบตเตอรี่มีน้ำกรด เป็นส่วนประกอบหลัก มีคุณสมบัติกัดกร่อนพื้นผิว อีกทั้งในขณะที่แบตเตอรี่ทำงาน จะเกิดการสะสมของก๊าซไฮโดรเจน หากมีประกายไฟจะทำให้เกิดการระเบิดได้

ดังนั้นการสูบบุหรี่ จุดไฟแช็ก ขณะต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ทำให้เกิดการระเบิดได้ และระมัดระวังไม่ให้ปลายสายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะจะทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร

ที่มาข้อมูล-ภาพ : สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก