จับตา บ่อนพนัน ธุรกิจสีดำ เครื่องมือสู้ศึกเลือกตั้ง

20 พ.ค. 2565 | 08:25 น.

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เเม้จะยังไม่พบการกระทำผิด โดยเฉพาะ "การพนัน" เเต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจละเลยไปได้ เพราะหากมีการนำการพนัน มาเป็นเครื่องมือให้คนออกไปเลือกตัวเอง ถือเป็นวิธีการที่สกปรก  ไม่ต่างจากการซื้อเสียงจากนักพนัน

นับถอยหลังเปิดคูหา “เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2565" ครั้งแรกในรอบ 9 ปี วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.2565 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 8 ปีการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นวันดีเดย์ให้ ชาว กทม.ออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียง เข้าคูหาเลือกคนที่จะมาทำหน้าที่ "พ่อเมือง" คนที่ 17 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยได้มี การกำหนดข้อห้ามเอาไว้ 11 ข้อ  อ่านเพิ่มเติม 

สำหรับตัวเลขของคนกรุงเทพฯ พบจำนวนผู้มีสิทธิ ที่สามารถออกไปใช้เสียงมีทั้งสิ้น 4,402,944 คน ใน 50 เขต 6,817 หน่วยเลือกตั้ง 1,705,437 ครัวเรือน แบ่งเป็นชาย 2,004,521 คน และหญิง 2,398,423 คน

 

ภาพที่ได้เห็นในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. และสก. จากหลายพรรคการเมือง ต่างเร่งหาเสียง เพื่อคว้าชัยครั้งนี้ การลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครแต่ละคนยิ่งเข้มข้น ดุเดือด ขับเขี้ยวกันน่าดู  ต่างชูนโยบาย โชว์วิสัยทัศน์เข้มข้นเชือดเฉือน เพื่อครองใจชาวกรุงให้ได้มากที่สุด

 

ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้  ระบุว่า การแข่งขันที่ดุเดือด สูสี ทำให้วงการพนันหลายแห่งในกรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัด ตั้งโต๊ะแจกโพยต่อรองกันอย่างคึกคัก เปิดราคาวัดใจเหล่าเซียนพนัน กำหนดช่วงคะแนนจุดได้เสียหลักแสนขึ้นไป 


ตัวอย่างโพยต่อรองเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

  • ผู้สมัคร นาย ก. ต่อ นาย ข. 350,000 คะแนน
  • ผู้สมัคร. นาย ก. ต่อ นาย ค. 400,000 คะแนน
  • ผู้สมัคร นาย ก. ต่อนาย ง. 400,000 คะแนน
  • ผู้สมัคร นาย ข. ต่อนาย ค. 30,000 คะแนน
  • ผู้สมัคร นาย ข. ต่อนาย ค. 30,000 คะแนน
  • ผู้สมัคร นาย ค. ต่อนาย ง. 20,000 คะแนน

 

ข้อมูลการสืบสวนนั้น พบว่า ในอดีตที่ผ่านมาเรื่องการพนันในช่วงการเลือกตั้งในพื้นที่ต่างจังหวัด มีประเด็นการหาเสียงกับนักพนัน ในการเลือกตั้งระดับชาติ วิธีการก็คือ จะมีการปล่อยข่าวว่า ผู้สมัครเบอร์นั้นๆ จะชนะการเลือกตั้ง เพื่อให้คนออกไปเลือกเบอร์นั้น แล้วหัวคะแนนจะรับแทงใต้ดิน ถือมันเป็นการซื้อเสียงอย่างหนึ่ง โดยไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องใช้หัวคะแนน

 

แหล่งข่าวระบุว่า ใน กทม. อาจจะแตกต่างกับต่างหวัดที่มีการตั้งโต๊ะพนัน ที่เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ อาจจะไม่ได้เป็นการหาเสียงกับนักพนันโดยตรง อาจจะเป็นการเลียนแบบต่างประเทศที่มีการเปิดแทงพนันเมื่อมีกิจกรรมพิเศษเกิดขึ้น  เช่น ที่เคยมีข่าวว่า บริษัทรับพนันในอังกฤษหั่นราคาต่อรอง “โดนัลด์ ทรัมป์” ในฐานะผู้ชนะการเลือกตั้งขั้นต้น ภายในพรรครีพับลิกัน ก่อนถึงการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 หลังเขาเพิ่งจะชนะเลือกตั้งขั้นต้นแบบคอคัสในรัฐเนวาดา

 

“เรื่องนี้สะท้อนลำบาก เพราะกฎหมายห้ามตั้งโต๊ะพนันอยู่แล้ว อาจต้องไปดูว่าการรับแทงพนัน คนที่รับมีสายสัมพันธ์อย่างไรกับผู้สมัครเลือกตั้งหรือไม่ จะทำให้รู้เป้าหมายของคนรับว่ามีการตั้งโต๊ะพนันขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้คนออกไปเลือกเบอร์นั้นๆ หรือไม่ แบบนี้เอาผิดยาก ไม่เหมือนการหาเสียง ที่รู้ว่าเป็นหัวคะแนนของใคร ” แหล่งข่าวระบุ

 

ข้อมูลจากตำรวจ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ก่อนการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) นายกเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดราชบุรี ได้เตรียมกำลังตำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 18,000 นาย ส่วนพื้นที่พัทยา และราชบุรี อีกประมาณ 1,000 นาย เพื่อดูแลหน่วยเลือกตั้งรวม 7,203 หน่วย

 

โดยจะเน้นการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งเรื่องซื้อสิทธิขายเสียง การฉีกบัตร การพนัน และการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ รวมทั้ง กำชับเรื่องการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

 

ขณะนี้ยังไม่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มีเพียงป้ายหาเสียงได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ กทม. จำนวน 17 ป้าย และพัทยา จำนวน 2 ป้าย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบเห็นผู้กระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง


การเล่นพนันเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง เป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่มีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 148 ระบุว่า ผู้ใดเล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลของการเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้เล่นมีกําหนด 10 ปีและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้จัดให้มีการเล่น

 

ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทําของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่ง 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี

 

แม้จะยังไม่มีการพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการพนัน เเต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย เพราะหากถ้ามีการหาเสียงโดยใช้การพนันเป็นเครื่องมือเพื่อให้คนออกไปใช้สิทธิ์ ถือเป็น "วิธีการที่สกปรก" เป็นอีกรูปแบบการซื้อเสียง เพียงแต่ทำให้มีการแทงพนันขึ้นมาเท่านั้น แต่ทางอ้อมคือ "การซื้อเสียงจากนักพนัน" นั่นเอง เเหล่งข่าวทิ้งท้ายฝากไว้ให้คิด