เปิดประโยชน์ 6 ข้อ "กินเจ 2566" อิ่มใจได้บุญมีสุขภาพดี

04 ต.ค. 2566 | 20:15 น.

ต้อนรับเทศกาลกินเจ 2566 เช็คลิสต์ประโยชน์ 6 ข้อ กินเจถูกหลักโภชนาการ เกิดผลดีต่อสุขภาพ ล้างพิษ ห่างไกลโรคร้าย ผิวพรรณดี ชี้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรกินเจเสี่ยงขาดสารอาหารได้

เทศกาลกินเจ 2566 จะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้ซึ่งโดยปกติแล้วเทศกาลกินเจแต่ละปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง วันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนจะตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน

ประวัติเทศกาลกินเจ 

ประเพณีกินเจ เรียกว่า "เก้าอ๊วงเจ" หรือ "กิ้วอ๊วงเจ" ซึ่งแปลว่า เจเดือน 9 ตามตำนานที่มาของการกินเจมีเรื่องเล่าอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการบูชาวีรชน "หงี่หั่วท้วง" การบูชาพระพุทธเจ้า 7 องค์และพระมหาโพธิสัตว์ 2 องค์ หรือการบูชาราชวงศ์ซ้อง เป็นต้น

คนเชื้อสายจีนบางคนถือเป็นประเพณีและความเชื่อทางศาสนาที่จะถือศีลกินเจเพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ขณะที่คนไทยเชื้อสายจีนการกินเจเป็นการรักษาศีล 8 ตามพุทธนิกายมหายาน เป็นการสักการบูชาแก่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์กวนอิมหรือเจ้าแม่กวนอิมนั่นเอง

ที่น่าสนใจ การกินอาหารเจนั้นนอกจากจะเป็นการถือศีลและรักษาประเพณีแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ดังนี้

1.กินเจช่วยให้อวัยวะภายในได้หยุดพัก

ส่วนใหญ่จะเน้นพืชผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วซึ่งย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ

2. ล้างพิษให้ร่างกาย

ผักและผลไม้เป็นกากใยชั้นเลิศที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและการย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี ช่วยขับของเสีย สารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกมา และยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกที่เป็นปัญหาเรื้อรังของใครหลายๆคน

 

3. ลดความเสี่ยงโรคร้าย

ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและสมอง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ริดสีดวงทวาร โรคเกาต์ ฯลฯ อาหารเจจำพวกผัก ผลไม้มีเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

4. ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น

การกินเจก็ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นได้ วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผลไม้ต่างๆ ยิ่งกินมากก็ยิ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่หย่อนคล้อยก่อนวัยอีกด้วย

5.ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ จะทำให้เลือดได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ มีผลต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเสื่อมสลายช้าลง เราจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ

6. ลดความอ้วนก็ได้

หากเลือกเมนูที่ใช้น้ำมันผัดๆ ทอดๆ หรือปรุงรสด้วยน้ำตาลมากเกินไป ก็ไม่สามารถทำให้ดความอ้วนได้ ควรเลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว ของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด ลดเมนูหวานน้อยลง ดื่มนมถั่วเหลืองไม่เกินวันละ 2-3 กล่อง

คำแนะนำ

ควรเลือกกินผัก ผลไม้ให้ครบ 5 สี และอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการกินเจ

สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรกินเจ เพราะเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต อาจเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากต้องการกินเจ แต่ละเมนูต้องมีไข่และนมด้วยนะคะ

การกินเจที่ถูกหลักโภชนาการ

-ควรเลือกซื้อหรือปรุงอาหารเมนูประเภทยำ ต้ม นึ่ง

-ลดอาหารประเภทผัด ทอด

  • กินอาหารที่มีรสชาติปานกลาง ไม่หวาน มัน และเค็มจัด
  • ควรเลือกกินอาหารเจประเภท ต้ม แกง ย่าง ยำ น้ำพริก
  • กินข้าวแป้งแต่พอดี
  • เลี่ยงอาหารแปรรูปซึ่งอาหารเจส่วนใหญ่จะมีแป้งแฝง เช่น การใช้แป้งหมี่กึงมาทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ ซึ่งทำให้คาร์โบไฮเดรตเกิน
  • เลือกผลิตภัณฑ์นมจากพืชเสริมเมื่อรู้สึกหิว โดยเลือกชนิดไม่หวานจัด มีปริมาณโปรตีนและแคลเซียมเหมาะสม
  • งดเครื่องดื่มที่มีรสหวาน น้ำอัดลม หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • ไม่ควรเลือกกินเมนูอาหารชนิดเดิมซ้ำทุกวัน จะทำให้เกิดการสะสมสารพิษ และเกิดโรคได้
  • ควรใส่ใจเรื่องความสะอาดปลอดภัยวัตถุดิบที่นำมาปรุงประกอบอาหาร โดยเฉพาะจากพืชผักควรล้างให้สะอาด หรือเลือกใช้ผักปลอดสารพิษที่มีการรับรองโดยหน่วยงานภาครัฐจากแหล่งผลิตในการปรุงประกอบ อาหารเจแทนการใช้ผักที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนสารพิษจะปลอดภัยกว่า 

สิ่งสำคัญหากในช่วงกินเจดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ใยอาหารเกาะตัวในร่างกายมาก อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ไม่สบายท้อง ได้ จึงควรดื่มน้ำให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน

ข้อมูล กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ อินเตอร์ 11