ไข้หวัดใหญ่ระบาดสูงเสียชีวิตแล้ว 4 ราย แนะ ฉีดวัคซีนลดเสี่ยง

02 ต.ค. 2566 | 08:10 น.

"หมอชลน่าน" เผย พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบุตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 1.8 แสนราย เสียชีวิตแล้ว 4 ราย แนะประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ช่วยลดความเสี่ยงได้

2 ตุลาคม 2566 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 กันยายน 2566 มีรายงานผู้ป่วย 185,216 ราย เสียชีวิต 4 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กจนถึงเด็กวัยเรียน กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด ได้แก่

  • อายุ 10-14 ปี (18.89%)
  • เด็กแรกเกิด – 4 ปี (17.04%)
  • อายุ 7-9 ปี (14.91) ตามลำดับ

สามารถป้องกันตนเองไม่ให้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลล์แอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ยังคงมีความจำเป็นในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะประชากร 7 กลุ่ม ได้แก่

1.หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป

2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน

3.ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้

  • ปอดอุดกั้นเรื้อรัง
  • หอบหืด
  • หัวใจ
  • หลอดเลือดสมอง
  • ไตวาย
  • ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด
  • เบาหวาน

4.ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป

5.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)

6.โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)

7.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐและสถานพยาบาลเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติใกล้บ้าน โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

นอกจากนี้หากสงสัยว่า ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ควรสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากระยะนี้เป็นการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ติดต่อกันจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย แพร่เชื้อผ่านการไอจามรดกัน หรือได้รับเชื้อจากการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ

โดยหลังจากได้รับเชื้อจะมีไข้สูง ไอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และเจ็บคอ ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย ได้แก่ หลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ ในกลุ่มเด็กอาจพบอาการระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง บางรายสามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษาทันที