โรคหัวใจชนิดหนึ่งที่คนไทยเป็นกันมากขึ้นในปัจจุบัน คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวหรือมีไขมันไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหากหลอดเลือดแดงตีบแคบมาก จนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
สำหรับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด สาเหตุสำคัญของโรคจะมาจากอะไร มีสัญญาณเตือนของโรค หรือ อาการบ่งชี้อย่างไรบ้าง วันนี้"ฐานเศรษฐกิจ"นำบทความจากนายแพทย์ธีระศักดิ์ ศรีเฉลิม ศัลยแพทย์ทรวงอก โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ มานำเสนอ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีอาการที่เกิดจากการมีเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจ หรือในบางรายสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลัน หรือที่เราเรียกว่า อาการหัวใจวายนั่นเอง
สาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- พันธุกรรม สำหรับบุคคลที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- อายุ ที่เพิ่มมากขึ้นจากสถิติพบในเพศชายอายุ ตั้งแต่ 40 ปี และเพศหญิงตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
- เพศ จากสถิติพบว่าเพศชายมีโอกาสและปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมากกว่าเพศหญิง
- การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดเล็กลง
- โรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
- ขาดการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เผาผลาญพลังงานน้อย และการสะสมของไขมัน
สัญญาณเตือนโรคหัวใจขาดเลือด
- สำหรับใครที่มีอาการเจ็บหน้าอก สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือไม่สามารถสังเกตอาการซึ่งเป็นสัญญาณเตือนโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ ดังนี้
- เจ็บหน้าอก (Chest Pain) ทั้งแบบทันทีทันใดหรือเจ็บเป็นๆ หายๆอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยออก อึดอัด จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เจ็บแน่นคล้ายของหนักมากดทับ หรือบีบรัด อาจร้าวไปบริเวณต่างๆ เช่น คอ หัวไหล่หรือแขนด้านซ้ายมักเป็นนานติดต่อกันมากกว่า 20 – 30 นาที นั่งพักแล้วอาการไม่ดีขึ้น
- เหนื่อยขณะออกแรง(Dyspnea)
- เหนื่อย เพลีย นอนราบไม่ได้ (Congestive Heart Failure)
- หมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น (Unconscious or Cardiac Arrest)
วิธีการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- การรักษาด้วยยาสลายลิ่มเลือด เพื่อละลายเลือดที่แข็งตัวและอุดตันอยู่ที่เส้นเลือดแดงหัวใจ
- การขยายหลอดเลือดหัวใจ (วิธีบอลลูน) เป็นวิธีที่นิยมมากและได้ผลการรักษาที่ดีกว่าการใช้ยาสลายลิ่มเลือด
- การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (วิธีบายพาส) เพื่อให้เลือดมีทางไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ส่วนมากแล้วการรักษาด้วยวิธีนี้ในกรณีที่คนไข้มีหลอดเลือดหัวใจตีบตันหลายเส้น
การป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ผู้ที่มีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นครั้งแรก จะรู้สึก “เจ็บหน้าอกเวลาออกกำลังกาย หรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติโดยหาสาเหตุไม่ได้” ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้วินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง พร้อมทั้งจะได้รับการรักษา และป้องกันไม่ให้โรคลุกลามไปมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ยังดีอยู่จะได้ทำงานเป็นปกติต่อไปได้
การป้องกัน-ลดปัจจัยเสี่ยงไม่ให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ไม่สูบบุหรี่
- ควบคุมความดันโลหิต และเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงอาหารหวาน และเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
- ทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ เช่น ปลาทะเล ผักใบเขียว และผลไม้ อัลมอลด์ ถั่วชนิดต่างๆ ธัญพืชไม่ขัดสี อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เป็นต้น
- ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ
- ฝึกสมาธิ ทำให้จิตใจให้ผ่องใส
- หมั่นตรวจเช็กสุขภาพของตนเองเป็นประจำ ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี
ที่มาข้อมูล