เปิดอาการโรคอีสุกอีใส-ภาวะแทรกซ้อน-วิธีการรักษา พบมากกลุ่ม5-12 ปี

22 ส.ค. 2566 | 06:52 น.

เปิดอาการโรคอีสุกอีใส-ภาวะแทรกซ้อน-วิธีการรักษา พบมากกลุ่ม5-12 ปี ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลจากกรมการแพทย์ไว้ให้หมดแล้ว ระบุมักจะระบาดช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน เผยป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน

"อีสุกอีใส" อีกหนึ่งโรคที่ต้องให้ความใส่ใจ และระมัดระวัง โดยมักจะระบาดช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน

ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" จะพาไปทำความรู้จักกับโรคอีสุกอีใสให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันตนเอง

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยติดต่อได้ด้วยการไอ จามหรือหายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ตลอดจนการใช้ของร่วมกับผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใส หรืองูสวัด ซึ่งปกติเชื้อจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ โรคอีสุกอีใสจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน (มกราคมถึงเมษายน) 

อาการของโรคอีสุกอีใส 

  • ระยะแรกขึ้นเป็นผื่นแดงราบ ต่อมาจะขึ้นเป็นตุ่มใส ตุ่มจะค่อยๆ อุ่นขึ้นคล้ายหนอง แล้วกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว แผ่นหลังและช่องปาก
  • อีก 2-3 วันต่อมาจะตกสะเก็ด อาจมีอาการเจ็บคอ 
  • ในเด็กเล็กจะมีไข้ต่ำ อ่อนเพลียและเบื่ออาหารเล็กน้อย 
  • ในผู้ใหญ่จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามลำตัวคล้ายหวัด 
  • ผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ หรือหนึ่งวันหลังจากมีไข้
  • บางรายมีตุ่มขึ้นในช่องปาก ทำให้ปากและลิ้นเปื่อย 

อาการแทรกซ้อน 

  • การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ทําให้กลายเป็นหนองและมีแผลเป็น 
  • ในรายที่มีภูมิต้านทานต่ำ เชื้อไวรัสอีสุกอีใส อาจกระจายไปยังอวัยวะภายใน เช่น ปอด สมอง ตับ 
  • หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้ออีสุกอีใส ในช่วง 3-4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์อาจทําให้ทารกในครรภ์พิการได้ 

เปิดอาการโรคอีสุกอีใส-ภาวะแทรกซ้อน-วิธีการรักษา

นายแพทย์สุตศรัญย์ พรึงลำภู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า การรักษาโรคอีสุกอีใส สามารถรักษาได้ ดังนี้ 

  • ในรายที่เป็นไม่มาก อาจดูแลตนเองที่บ้านได้ หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน เพราะจะทำให้เกิดอาการทางสมองและตับ ใช้ยาลดอาการคัน พักผ่อนและดื่มนํ้ามากๆ
  • กรณีที่มีไข้สูง มีผื่นขึ้นตามตัวมาก มีการติดเชื้อแทรกซ้อน มีอาการหอบ ชัก ซึม ต้องพบแพทย์ 
  • ในรายที่เป็นรุนแรง หรือผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่เป็นโรคเอดส์ มะเร็งหรือมีโรคประจำตัว จะทำให้โรคอีสุกอีใสมีอาการรุนแรงได้มาก และเกิดการแพร่กระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ต้องปรีกษาแพทย์เพื่อลดอาการรุนแรงของโรค 
     

ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคอีสุกอีใส 

  • โรคนี้เมื่อเป็นแล้วหากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำและเกิดการกระตุ้นขึ้น มีโอกาสเป็นโรคงูสวัดได้ภายหลัง 
  • ระยะแพร่เชื้อจะเริ่มตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนที่ผื่นหรือตุ่มขึ้น จนตุ่มแห้งหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน ควรหยุดงานหรือหยุดเรียนเพื่อป้องกันการติดต่อ 
  • โรคนี้ไม่มีของแสลง 
  • ปัจจุบันโรคอีสุกอีใ
  • การเกาหรือแกะตุ่มพุพองของโรคอีสุกอีใส อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นอย่างถาวร