ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) หมายถึง ภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 60 มก. /ดล. หรือผู้เป็น เบาหวาน บางราย เมื่อ ระดับน้ำตาลในเลือด ต่ำกว่า 70 มก./ดล. อาจมีอาการได้หากมีประวัติน้ำตาลสูงมากมานาน
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มักพบได้ในผู้เป็นเบาหวานที่รับประทานยา หรือฉีดอินซูลินอยู่ โดยเฉพาะคนที่ควบคุมเบาหวานได้ดี ซึ่งการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างน้ำตาลกับระดับอินซูลินในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
สัญญาณที่บ่งบอกว่า กำลังเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่
- เหงื่อออกมาก ตัวเย็น ใจสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็ว
- หิวมาก มือสั่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย
- ปวดศีรษะ มึนงง หน้ามืด ตาลาย ถ้าอาการรุนแรงอาจช็อค หรือหมดสติ
- ถ้าเกิดเวลากลางคืน อาจมีอาการปวดมึนศีรษะ มึนงง เหงื่อออกมาก ขณะนอนหลับ ฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นมาสังเกตว่าเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- รับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน พลาดเวลาอาหารหลัก หรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
- ฉีดอินซูลินหรือรับประทานยามากเกินไป
- ออกกำลังกายหักโหม หรือทำงานหนักกว่าปกติ
- การรับประทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงท้องว่าง ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้
การป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- รับประทานอาหารให้เป็นเวลาและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- ฉีดยา หรือรับประทานยาตามแพทย์สั่ง (ทั้งปริมาณยาและเวลา)
- หากจำเป็นต้องออกกำลังกายนานกว่า 3 นาที ควรรับประทานอาหารว่าง เช่น นม ขนมปัง หรือผลไม้ รองท้องประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย
- ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องรับประทานยารักษาโรคอื่นๆร่วมด้วย เพราะยานั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- แจ้งบุคคลใกล้ชิดให้ทราบว่าท่านเป็นเบาหวาน และอธิบายวิธีช่วยเหลือ เมื่อมีอาการผิดปกติ
- ควรมีลูกอม น้ำตาลก้อน หรือน้ำผลไม้พกติดตัวไว้เพื่อเดินทางยามฉุกเฉิน
- ถ้ามีเครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วที่บ้าน ควรเจาะเลือดเช็คระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ
การปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ถ้าอาการไม่มาก และเกิดขึ้นใกล้เวลาอาหาร ควรรีบรับประทานทันที หรือรีบรับประทานของว่าง เช่น ขนมปัง นม ผลไม้รสหวานก่อน
- กรณีที่มีอาการค่อนข้างมาก แต่ยังรู้สึกตัว ให้ดื่มน้ำหวาน ½ - 1 แก้ว หรืออมลูกอม 1 – 2 เม็ด หรือน้ำตาล 2 ก้อน อาการควรจะดีขึ้นภายใน 5 – 10 นาที แล้วรีบรับประทานข้าวหรืออาหารประเภทแป้ง
- แต่ถ้าสังเกตอาการตนเองแล้วยังไม่ดีขึ้น สามารถดื่มน้ำหวานซ้ำอีก 1 แก้วทันที
- ถ้ามีอาการรุนแรงถึงขั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว ห้ามให้ลูกอม หรือดื่มน้ำหวาน เพราะอาจทำให้สำลักได้ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ใกล้ที่สุด แล้วแจ้งแพทย์ที่ดูแลด้วยว่าเป็นเบาหวาน