"โอมิครอน" ถล่มจีนแตกยับกับทาง 3 แพร่งที่ต้องเลือก ผลลัพธ์เป็นยังไง อ่านเลย

27 พ.ย. 2565 | 01:00 น.

"โอมิครอน" ถล่มจีนแตกยับกับทาง 3 แพร่งที่ต้องเลือก ผลลัพธ์เป็นยังไง อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรงชี้สถานการณ์การระบาดกำลังบานปลาย

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

 

เมื่อจีนกำลังพ่ายแพ้ต่อ Omicron (โอมิครอน) : ทาง 3 แพร่งที่รัฐบาลจีนต้องเลือก โดยที่ไม่มีทางไหนดีเลย Lockdown หรือ Exit Wave

 

เมื่อวานนี้ผู้ติดเชื้อในจีนทำสถิติใหม่ 32,695 คน สูงกว่าการระบาดของ Omicron รอบเม.ย. ไปแล้ว และรอบนี้น่าจะบานปลายเพราะ

  • เชื้อติดง่ายขึ้น
  • ผ่อนคลายมาตรการไปมาก
  • คนเหนื่อยล้าและต่อต้านการ Lockdown อย่างหนัก เพราะมัน 3 ปีแล้ว 

 

สำรวจทางเลือก 2 ทางของรัฐบาลจีนในตอนนี้ ไม่มีทางเลือกที่ 3 สำหรับ OMC

 

ทางเลือกที่ 1: Lockdown อย่างเข้มงวดอีกครั้ง

ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

  • ประเทศจีนจะหยุดชะงักในวงกว้าง 2-3 เดือน 
  • คนจีนไม่ได้ฉลองปีใหม่
  • กระแส Out of China จะยิ่งรุนแรงขึ้น
  • ประชาชนโกรธแค้น
  • สถานการณ์วนลูปกลับไปที่เดิม ไม่สามารถเปิดประเทศได้ 
  • ต้องปิดประเทศต่อไป และกระทบกับสถานะของจีนในเวทีโลก

ข้อดี

  • รักษาชีวิตประชาชนไว้ได้หลายล้านคน
  • ไม่ต้องผ่านหายนะทางชีวิตและเศรษฐกิจในช่วง Exit Wave ซึ่งจะหนักมาก ดังจะกล่าวต่อไป 

 

จุดอ่อนสำคัญของจีน คือ วัคซีน

  • เพิ่งฉีดวัคซีนไปโดยเฉลี่ย 2.36 โดส ต่อประชากร 1 คน มี Booster น้อยเกินไป และฉีดเข็ม 2 กันไปแล้วตั้งแต่ก่อนเม.ย. 
  • ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นวัคซีนเชื้อตาย
  • จากสถิติของฮ่องกง อัตราการตายจากวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มกับ OMC อยู่ ที่ 0.3 - 0.5% สูงกว่า mRNA ที่ Booster 3,4,5 แล้วประมาณ 10 เท่า เช่นของไทย มีอัตราการตายเพียง 0.035%
  • คนจีนตั้งแต่รัฐบาล วงการแพทย์ ยันประชาชน ต่อต้านวัคซีน mRNA 
  • จีนยังผลิตวัคซีน mRNA เองไม่ได้ และไม่ต้องการพึ่ง EU หรือว่า US 

 

โอมิครอนถล่มจีนแตกยับ

 

ทางเลือกที่ 2: ไม่ Lockdown และเผชิญหน้ากับ Exit Wave

ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

  • Exit Wave จะมีขนาดใหญ่มาก เหมือนทุกประเทศ คือ 70 - 90% ของประชากร สำหรับจีนคือ ต้องมีคนติดเชื้อ 1,000 - 1,200 ล้านคนจึงจะจบ
  • Exit Wave จะกินระยะเวลายาวนาน 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยอิสระหรือจำกัดการระบาดมากน้อยแค่ไหน
  • จะมีคนตาย 5 - 7ล้านคน ถ้านับมาครบ และถึงแม้จะเปลี่ยนมาใช้ mRNA และ Booster เพียงพอ ก็จะมีคนตายประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งก็ถือว่าจะยังดีกว่า USA มาก 
  • จะมีคนติดเชื้อวันละ 5 ล้านคน
  • จะมีคนตายวันละ 25,000 คน ถ้านับมาครบ
  • ระบบสาธารณสุขจะล่มสลาย
  • ศพจะเก็บไม่ทัน
  • เศรษฐกิจจะพังพินาศย่อยยับในช่วง Exit Wave 
  • จากข้อ 8 GDP ปี 2023 ของจีนในช่วง Q1 - Q2 อาจจะโตติดลบ แต่จะฟื้นในช่วง Q3Q4 แล้วจึงก้าวกระโดดในปี 2023
  • ประชาชนจะโกรธแค้นอย่างมาก ก่อนจะค่อยๆลืมเหมือนประเทศอื่นๆ
  • ต่างชาติจะเห็นความทุลักทุเลของจีน ซึ่งจริงๆก็เป็นภาพที่ทุกชาติก็เคยโดนกันมาทั้งนั้น
  • ภาวะผู้นำของท่านสี จิ้นผิง จะสั่นคลอน ในช่วง 4-8 เดือน

ข้อดี

  • เมื่อจบ Exit Wave แล้วคือจบเลย ในระดับเดียวกับประเทศอื่นๆ
  • เปิดประเทศได้ 
  • สถานะของจีนในเวทีโลกจะกลับมา และสถานะของท่านสี จิ้นผิงจะกลับมาแข็งแกร่ง ขึ้นอีก

 

ผมไม่ทราบจริงๆว่ารัฐบาลจีนจะเลือกทางไหน แต่ตอนนี้ต้องเลือกแล้ว เพราะสถานการณ์การระบาดกำลังบานปลาย สำหรับ Covid โดยเฉพาะ Omicron มันไม่มีตรงกลาง

 

ทุกประเทศที่เคยคิดว่าจะคุมให้พออยู่ได้ ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ มีทางเลือกเพียงแค่ ปิดให้สนิท หรือ เปิดแล้วยอมรับความตาย  รัฐบาลจีนรู้เรื่องเหล่านี้ดีมาก รู้ทุกตัวเลข และก่อนหน้านี้ทางเลือกที่ 2 ไม่ใช่ทางเลือก จนกว่าการเลือกประธานาธิบดี ให้เป็นท่านสี จิ้นผิง เป็นวาระที่ 3 จะผ่านลุล่วงไปเสียก่อน ซึ่งเมื่อผ่านมาแล้ว ก็จึงสามารถเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะเลือกได้ทั้ง 2 ทาง

 

แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจจีนมีปัญหาแน่นอน Supply Chain มีปัญหาแน่นอน คนจีนไม่ได้ฉลองปีใหม่แน่นอน สิ่งที่จะแตกต่างก็คือ หลังจากนั้น 2023 Q3Q4 ถ้าเป็นทางเลือกที่ 2 จีนจะกลับมาอย่างแข็งแกร่ง

 

ทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวก็จะกลับมา แต่ถ้าเป็นทางเลือกที่ 1 ก็จะวนวูปกันต่อไปอีกยาวนานครับ ซึ่งก็ต้องเตรียมตั้งรับกันทั้ง 2 แบบ โดยเฉพาะคนไทยในประเทศจีนซึ่งมีจำนวนมาก น่าะต้องเตรียมตั้งรับทั้งเรื่อง อาหาร วัคซีน Booster และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับทั้ง 2 ทางเลือก ซึ่งก็น่าจะหนักทั้งคู่


หลายประเทศที่เรียกร้องกดดันให้จีนเปิดประเทศและผ่อนคลาย นั่นเท่ากับว่า ร้องขอให้มีการสละ 5 ล้านชีวิต ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการกดดันแบบนั้น ทุกอย่างต้องให้เกียรติและเคารพกับการตัดสินใจของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจก็สำคัญ ชีวิตคนก็สำคัญ ความอยู่รอดของประเทศชาติก็สำคัญ  เป็นการตัดสินใจที่ยากอย่างยิ่ง