อินโดนีเซียประเดิมใช้ "วอลแวกซ์" วัคซีนโควิด mRNA ของจีน เป็นประเทศแรกในโลก

03 ต.ค. 2565 | 05:33 น.

วัคซีนโควิด mRNA ของจีนภายใต้ชื่อทางการค้า "วอลแวกซ์" (Walvax) ได้รับอนุมัติให้ใช้แล้วโดย อย.อินโดนีเซีย เป็นประเทศแรกในโลก แม้ว่าวัคซีนดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติให้ใช้ในประเทศจีนเอง

อินโดนีเซีย ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีน AWcorna หรือชื่อทางการค้าว่า วัคซีน "วอลแวกซ์" (Walvax) ซึ่งเป็น วัคซีนโควิดแบบ mRNA ที่ผลิตโดยบริษัทจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นประเทศแรกในโลกที่รับรองวัคซีนดังกล่าวซึ่งยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติให้ใช้แม้ในประเทศจีนเอง

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของอินโดนีเซีย (BPOM) อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดดังกล่าวของ บริษัท วอลแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี (Walvax Biotechnology) ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA เหมือนกับวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna) ของสหรัฐอเมริกา 

อินโดนีเซียอนุมัติใช้ "วัคซีนวอลแวกซ์" ซึ่งเป็นวัคซีน mRNA ของจีน เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 

ทั้งนี้ บริษัทวอลแวกซ์ฯ ใช้เวลาพัฒนาวัคซีนนี้ร่วมกับบริษัทซูโจว อ้ายโป๋ ไบโอไซเอนซ์ (Suzhou Abogen Biosciences) และกองทัพจีน มาเป็นเวลามากกว่าสองปี โดยพุ่งเป้าไปที่เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม

 

ข่าวระบุว่า วอลแวกซ์ทดสอบวัคซีนนี้ในหลายประเทศ รวมทั้งอินโดนีเซีย เม็กซิโก และจีน แต่ยังไม่เคยเผยแพร่ผลการทดสอบและประสิทธิผลของวัคซีนดังกล่าวในการลดอัตราการติดโควิด-19

เพนนี ลูกิโต ผู้อำนวยการของ BPOM ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า วัคซีนที่มีชื่อว่า AWcorna ของวอลแวกซ์ มีประสิทธิผล 83.58% ต่อโคโรนาไวัรสสายพันธ์ุทั่วไป และ 71.17% เมื่อใช้กับสายพันธ์ุโอมิครอนที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่น ๆ มากไปกว่านี้ ขณะที่บริษัทวอลแวกซ์เอง ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อรอยเตอร์เช่นกัน

 

มีบริษัทเวชภัณฑ์ของจีนหลายบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิดแบบ mRNA แต่วอลแวกซ์ถือเป็นบริษัทแรกที่มีการทดสอบในวงกว้างกับคน โดยพัฒนาวัคซีนภายใต้การสนับสนุนของกองทัพจีน

 

สำหรับวัคซีนที่จะใช้ในอินโดนีเซียนี้ วอลแวกซ์จะผลิตร่วมกับบริษัทท้องถิ่นของอินโดนีเซีย คือ เอทานา ไบโอเทคโนโลจีส์ (Etana Biotechnologies) แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ทางการอินโดนีเซียจะนำวัคซีนใหม่นี้มาใช้อย่างไร โดย ปัจจุบัน ชาวอินโดฯ ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วมีจำนวนมากกว่า 63% ของประชากรทั้งประเทศ และทางการอนุมัติให้ใช้วัคซีนจากหลายบริษัท รวมทั้ง ไฟเซอร์และโมเดอร์นา

BPOM ระบุว่า ข้อดีของวัคซีน AWcorna หรือ วัคซีนวอลแวกซ์ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ก็คือ

  • ไม่ต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำมาก และ
  • สามารถเก็บไว้ได้นานถึงหกเดือน

ทำให้มีความเหมาะสมสำหรับการแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกาะห่างไกลและเข้าถึงได้ยาก

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่โรคโควิด-19 มีการแพร่ระบาดมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว และได้ตอกย้ำให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างผู้พัฒนาวัคซีนของจีนกับคู่แข่งชาติตะวันตกด้วย