22 พฤษภาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัยด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 โดยมีนายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าฯ นครสวรรค์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย สส.นครสวรรค์ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และอสม.เข้าร่วม ที่โรงพยาบาลบรรพตพิสัย อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข เกิดขึ้นภายใต้หลักคิด "อสม. มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs" เป็นการบูรณาการงานด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และการทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน อย่าง อสม. เข้าด้วยกันเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างครอบคลุม
สอดรับกับความต้องการของประชาชนด้านการดูแลสุขภาพในทุกมิติ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ เท่าเทียม ทั่วถึง ทุกช่วงวัย ลดระยะเวลารอคอยการรับบริการและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน
"วันนี้ผมจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการยกทัพ 11 คลินิก ส่งเสริม คัดกรอง ป้องกัน และรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs มาให้บริการพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครสวรรค์ กว่า 1,500 คน ในวันนี้ ได้แก่
1. คลินิกโรคอ้วน
2. คลินิก NCDs
3. คลินิกโรคไต
4. คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ
5. คลินิกต้อกระจก และจอประสาทตา
6. คลินิกคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีน HPV
7. คลินิกผ่าตัดวันเดียวกลับ
8. คลินิกเครื่องช่วยฟัง
9. คลินิกผ่าตัดนิ้วล็อค
10. คลินิกบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่
11. คลินิกแพทย์แผนไทย
คาดการณ์ว่า โครงการนี้จะมีจำนวนผู้เข้ามารับบริการทางการแพทย์กว่า 38 ล้านราย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลในอนาคตได้กว่า 4,000 ล้านบาท นี่คือ ความพยายามอย่างต่อเนื่องของกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งเน้น จัดการปัญหาโรค NCDs ต่อจากการเสริมสร้างความรู้เรื่องการนับคาร์บ เพราะ NCDs คือความท้าทายทางสาธารณสุข ที่ผมต้องดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ตนมีของขวัญมาให้ชาวอำเภอบรรพตพิสัยด้วย โดยในพื้นที่มีการปลูกข้าว กข.43 ซึ่งมีดัชนีน้ำตาลค่อนข้างต่ำ ดีต่อผู้ป่วยเบาหวานจึงอยากจะสนับสนุนเพราะนอกจากจะช่วยผู้ป่วยแล้วยังช่วยให้คนปลูกขายข้าวได้ราคาแพงขึ้นอีกด้วย โดยข้าว กข.43 เมื่อบริโภคแล้วจะทำให้เกิดน้ำตาลช้าและน้อยกว่าข้าวสายพันธ์ุอื่น
ถ้าเป็นข้าวซ้อมมือเมื่อบริโภคแล้วจะกลายเป็นน้ำตาล ภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนข้าวเหนียว ข้าวเจ้า เมื่อบริโภคจะทำให้เกิดน้ำตาลเร็วมากไม่ถึงชั่วโมง แต่ข้าว กข.43 เมื่อบริโภคผ่านไป 2 ชั่วโมง ยังขึ้นเป็นน้ำตาลแค่ 55% เท่านั้น ขณะที่ข้าวสายพันธ์อื่น สูงถึง 87% ดังนั้น ตนจะช่วยทำให้ข้าว กข.43 มีราคาแพงขึ้น เนื่องจากดีกับผู้ป่วย NCDs
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ในพื้นที่อำเภอบรรพตพิสัย มีการปลูกข้าว กข.43 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกัน NCDs ได้ โดยผู้ที่ป่วยกลุ่มโรค NCDs คือ น้ำตาลเข้าสู่เส้นเลือดปริมาณมากจนไปทำลายเส้นเลือดแต่ข้าว กข.43 มีคุณสมบัติทำให้เกิดน้ำตาลเข้าสู่เส้นเลือดได้ช้าและน้อยซึ่งข้าวปกติเข้าไปได้ 87% แต่ กข.43 เข้าเพียง 55% โดยข้าวสายพันธุ์อื่นน้ำตาลจะเข้าสู่เส้นเลือดปริมาณมากทำให้เส้นเลือดเสียหายได้และเมื่อเส้นเลือดเสียหาย เราก็จะเกิดอาการป่วยตามมา ดังนั้น จึงคิดกับ สส.ทรงศักดิ์ ว่าควรประชาสัมพันธ์ข้าว กข.43 เพื่อช่วยลดผู้ป่วยและช่วยทำให้ข้าวขายได้แพงขึ้นด้วยเนื่องจากคนที่รักสุขภาพก็จะหันมาบริโภคข้าว กข.43 มากขึ้น
จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมมีพรสวรรค์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดพิจิตร เพื่อเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 โดยมี นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นางสุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีต สส.พิจิตร นายนาวิน บุญเสรฐ อดีต สส.พิจิตร นายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต สส.พิจิตร ร่วมต้อนรับด้วย
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับระบบสาธารณสุข ให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และสามารถรองรับความท้าทายด้านสาธารณสุข จากสถานการณ์สังคมสูงวัย โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs โดยการจัดคลินิกเฉพาะทางด้านต่าง ๆ มาให้บริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัย
กระทรวงสาธารณสุข จึงจัดให้มีโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้หลักคิด 'อสม. มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs' ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการให้ครบทุกเขตสุขภาพ โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรม Kick off ไปแล้ว 6 เขตสุขภาพ 9 จังหวัด ทั่วประเทศ