อัปเดตอาการโควิด 2568 สายพันธุ์ XEC อันตรายแค่ไหน วิธีรับมือ

21 พ.ค. 2568 | 06:30 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2568 | 06:36 น.

อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 2568 สายพันธุ์ XEC ในไทย เช็กอาการ ความรุนแรงของโรค อันตรายมาก น้อยแค่ไหน พร้อมวิธีป้องกันตัวเอง ลดความเสี่ยงของการติดโควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ของไทยในขณะนี้ ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 พบผู้ป่วย 71,067 ราย ผู้เสียชีวิต 19 ราย มีแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้น โดยพบการระบาดแบบกลุ่มก้อน 2 เหตุการณ์

ทั้งนี้ พบว่า หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ (สัปดาห์ที่ 16) พบผู้ป่วยจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ในปีนี้ ระหว่างเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ประเทศไทยพบการระบาดของสายพันธุ์ XEC เพิ่มขึ้น

โควิดสายพันธุ์โอมิครอน XEC 

เป็นสายพันธุ์ลูกผสมตัวใหม่ในตระกูลโอมิครอน พบครั้งแรกที่เยอรมนี เมื่อเดือน มิถุนายน 2567 เกิดจากการรวมกันของ 2 สายพันธุ์ย่อย: KS.1.1 (FLiRT) และ KP.3.3 (FLuQE) แพร่เร็วขึ้นจากการกลายพันธุ์หลายจุด พบการแพร่ระบาดแล้วอย่างน้อยใน 15 ประเทศ รวมถึงยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย มีการถอดรหัสพันธุกรรมแล้วกว่า 550 ตัวอย่างจาก 27 ประเทศ ขณะที่จากข้อมูลในสหรัฐฯ อังกฤษและจีน ระบุว่า XEC แพร่เร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์อื่นถึง 84–110% บางประเทศมี XEC มากถึง 10–20% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่

อาการของโควิด 2568 สายพันธุ์ XEC 

  • ไข้ ไอ เจ็บคอ
  • เหนื่อยง่าย ปวดหัว ปวดตัว
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • สูญเสียการรับกลิ่น/รส
  • เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาเจียน

ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบหรือเคยติดเชื้อมาก่อน มักมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการเลย แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หรือผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ปอดอักเสบหรือภาวะหายใจล้มเหลว 

คำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข

หากสงสัยป่วยติดโควิด-19 ให้ปฏิบัติตัว ดังนี้ 

กรณีมีอาการสงสัย หรือ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ให้ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ทันที หากผลการตรวจเป็นบวก ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา งดทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและผู้อื่น แยกของใช้ส่วนตัว หากจำเป็นต้องออกจากที่พัก ขอให้เข้มงวดมาตรการเว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

กรณีที่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ ไอ มีเสมหะ โดยที่อาการไม่รุนแรง แต่ไม่สามารถตรวจ ATK ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่สาธารณะ หากจำเป็น จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา งดหรือหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง 608 หากไม่สามารถหลีกเลี่ยง จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ทั้งนี้ การตรวจโควิดด้วย ATK อาจไม่พบเชื้อ ดังนั้น ถ้ามีอาการไม่สบาย เช่น เจ็บคอมาก มีไข้ต่ำ ๆ ควรหมั่นตรวจ ATK เรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 4-5 หลังจากเริ่มมีอาการ หากอาการป่วยรุนแรงขึ้นก็ควรไปพบแพทย์และเข้ากระบวนการรักษาอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ดี อาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันเนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งจำนวนเชื้อและสายพันธุ์ของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแรงของร่างกาย ดังนั้น การกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขจนกว่าจะไม่มีอาการป่วย สามารถลดโอกาสแพร่เชื้อได้  

วิธีการป้องกันโควิด

  • สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ในพื้นที่ปิดหรือมีคนหนาแน่น
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยไม่จำเป็น
  • เว้นระยะห่างทางสังคม ในที่สาธารณะ
  • ตรวจ ATK หากมีอาการเข้าข่าย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ