KEY
POINTS
นพ.ธนานันต์ นุ่มแสง จิตแพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า Toxic Relationship คือ “ความสัมพันธ์เป็นพิษ” ที่ค่อย ๆ กัดกร่อนหัวใจและสุขภาพจิตโดยไม่รู้ตัว โดยมีต้นเหตุมาจากความล้มเหลวในการสื่อสาร หรือพฤติกรรมที่บั่นทอนกันอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุหลักสำคัญมาจาก “คำพูด สีหน้า ท่าทาง หรือเจตนาแฝง” จากบุคคลที่มัก “พูดมากกว่าฟัง” ทำให้ผู้รับสารรู้สึกถูกกดทับหรือด้อยคุณค่า ส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนสะสม จนกลายเป็นความขัดแย้งเรื้อรัง
คำพูดเชิงลบที่ผู้ฟังได้รับซ้ำ ๆ อาจทำให้ผู้ฟังตั้งคำถามกับคุณค่าของตนเอง และเสี่ยงต่อภาวะ Gaslighting เมื่อการบั่นทอนเกิดขึ้นต่อเนื่อง และโครงสร้างความคิดเชิงลบจะฝังลึก ทำให้ผู้ฟังหรือผู้รับสารมองโลกในแง่ดีได้ยาก และอาจลุกลามไปสู่ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้าในที่สุด
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษมักเริ่มจากสัญญาณเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม เช่น ความรู้สึกอึดอัด เหนื่อยใจ อารมณ์แปรปรวนผิดปกติ หรือมีอาการทางกายทันทีเมื่อพบเจออีกฝ่าย หากปล่อยให้เหตุการณ์ลบเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนมีอิทธิพลเหนือกว่าด้านดี ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
นพ.ธนานันต์ กล่าวว่า หากพบกับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ในเบื้องต้นสามารถปรับวิธีมองและปกป้องใจตัวเองได้ โดยเปรียบเทียบการรับมือความสัมพันธ์พิษร้ายกับการใช้ “กล้องถ่ายรูป” คือ
1. เลนส์ที่ใช้มอง เปลี่ยนมุมมองต่อคนที่ทำร้ายใจ มองเขาเป็น “ครูสอนอารมณ์” ช่วยให้ตั้งสติและจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญหน้า
2. ฟิลเตอร์ที่ใช้กรอง เลือกรับเฉพาะสาระสำคัญของคำพูด ไม่แบกรับอารมณ์ด้านลบที่อีกฝ่ายโยนมา เพื่อลดผลกระทบต่อจิตใจ
3. เกราะป้องกันภายใน สร้างคุณค่าในตัวเอง (Self-worth) ให้มั่นคง เมื่อแกนกลางแข็งแรง ปัจจัยภายนอกก็ยากจะทำให้ใจสั่นคลอน
ดังนั้น การสื่อสารอย่างมีคุณภาพคือกุญแจสำคัญในการลดความขัดแย้ง ซึ่งทำได้ด้วย 3 หลักง่าย ๆ ได้แก่
“การสื่อสารเชิงบวกจะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกได้รับการเข้าใจ ลดการปะทะทางอารมณ์ และป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปสู่ความเป็นพิษ ส่วนผู้ฟังต้องยอมรับความจริงของความสัมพันธ์ และรู้ว่าเมื่อใดควรถอยออกมา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการดูแลจิตใจตนเอง ซึ่งจะช่วยให้เราห่างไกลความสัมพันธ์พิษร้ายและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง”