Gen Z ปรับกติกาใหม่ในที่ทำงาน ใช้ AI เปิดใจเรื่องสุขภาพจิต

06 ก.ย. 2568 | 01:00 น.

คนทำงานรุ่น Gen Z กำลังเปลี่ยนบรรทัดฐานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ การเปิดใจเรื่องสุขภาพจิต หรือการทำงานด้วยความเป็นตัวเอง

KEY

POINTS

  • คนทำงานรุ่น Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเป็นอันดับแรก และทำให้การพูดคุยเรื่องนี้ในที่ทำงานเป็นเรื่องปกติและเปิดเผย
  • Gen Z เป็นกลุ่มที่นำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในการทำงานมากที่สุด โดยมองว่าเป็นเครื่องมือช่วยสร้างความก้าวหน้าและเป็นเหมือนผู้ช่วยดิจิทัล
  • พวกเขากำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ในองค์กร ด้วยการทำงานที่สะท้อนตัวตนที่แท้จริงและให้คุณค่ากับความจริงใจ

เมื่อคนทำงานรุ่น Gen Z กลับเข้าสำนักงาน พวกเขากำลังปรับเปลี่ยนบรรทัดฐานองค์กร ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI พูดคุยเรื่องสุขภาพจิตอย่างเปิดเผย และทำงานโดยแสดงตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น

คนรุ่นนี้ซึ่งเกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 หลายคนเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องทำงานแรกของชีวิตภายใต้รูปแบบทางไกล ท่ามกลางความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ผู้บริหารระดับสูงบางรายโยงการทำงานทางไกลกับ Gen Z พร้อมตั้งคำถามเรื่องวินัยและความผูกพันในการทำงาน เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan กล่าวว่า ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ตั้งแต่โควิด แต่ เหล่า Zoomers ไม่โผล่มา เขาหมายถึงคนทำงานรุ่น Gen Z

ส่วนลอร์ด อลัน ชูการ์ วัย 78 ปี นักธุรกิจอังกฤษ ระบุว่า คนหนุ่มสาวอยากนั่งอยู่บ้านและจำเป็นต้องกลับเข้าที่ทำงาน

อย่างไรก็ดี คนทำงานรุ่นใหม่ยืนยันว่า พวกเขาอยากมีปฏิสัมพันธ์แบบเจอตัวจริง และเข้ามาสำนักงานเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 วัน มากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ ตามการสำรวจพนักงาน 12,000 คนทั่วโลกของ JLL บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก

เมื่อคนทำงานรุ่นอาวุโสหลีกเลี่ยงการเข้ามาออฟฟิศ

คนรุ่นใหม่จึงมักเจอว่า มีเพียงตัวเอง หรืออยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานวัยเดียวกัน กระแสนี้ก่อให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ ตั้งแต่ สายตา Gen Z (Gen Z stare) ไปจนถึงแฟชั่นสไตล์ office siren และคำสแลงจาก TikTok อย่าง “ick” ที่กลายเป็นศัพท์ในแวดวงอาชีพ

แดน ชวาเบล หุ้นส่วนผู้จัดการของ Workplace Intelligence กล่าวว่า Gen Z กำลังปรับเปลี่ยนบรรทัดฐานที่ทำงาน ด้วยวิธีการทำงานใหม่ ๆ ที่สะท้อนคุณค่า ความคล่องตัวด้านดิจิทัล และความต้องการความจริงใจ

การสร้างเครือข่ายอย่างตั้งใจ

การที่คนทำงานอาวุโสมักเลือกอยู่บ้าน ทำให้วัฒนธรรมการพูดคุยและการให้คำปรึกษาลดลง คนรุ่น Gen Z จึงหาทางเติมเต็มช่องว่างนี้ด้วยตัวเอง

เหวยหรง หลี่ อายุ 25 ปี ผู้ทำงานด้านสื่อสารและศิษย์เก่า NYU Stern School of Business กล่าวว่า เธอเข้ามาสำนักงาน 5 วันต่อสัปดาห์ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานอาวุโสใช้ตารางแบบผสมหรือทำงานทางไกล โดยส่วนใหญ่ที่มาออฟฟิศก็เป็นคนวัยเดียวกับเธอ

ตารางแบบไฮบริดนี้ขึ้นอยู่กับลำดับชั้น ถ้าคุณอยู่ตำแหน่งสูง คุณก็มีความยืดหยุ่นมากกว่าในการไม่ต้องเข้ามา เพราะคุณพิสูจน์ตัวเองแล้ว และไม่จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายเพิ่ม

ประสบการณ์นี้สอนให้วางกลยุทธ์ในการเข้าหาเพื่อนร่วมงาน ทั้งแบบออนไลน์และเจอตัวจริง

ส่วนใหญ่ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานอาวุโสเริ่มจากออนไลน์ ฉันติดต่อพวกเขาทาง LinkedIn หรือส่งอีเมลโดยตรง

เธอเสริมว่าแม้การคุยสั้น ๆ ก็ดูสำคัญ เพราะเป็นโอกาสในการสร้างบทสนทนาและรู้จักคนใหม่ ๆ

การแสดงตัวตนเต็มที่ในที่ทำงาน

คนรุ่น Gen Z มองที่ทำงานไม่ใช่ พื้นที่ทางการอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เขาสามารถ เป็นตัวเองได้ และ แชร์เรื่องส่วนตัว ได้โดยไม่ต้องปิดกั้น 

มาดี แลนนี อายุ 27 ปี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า แต่งตัวสบาย ๆ และเป็นตัวเองเต็มที่

ฉันไม่ใส่กางเกงสแลคหรือรองเท้าส้นสูงมาทำงาน แต่ใส่รองเท้าผ้าใบหรือ Birkenstock ทุกวัน

คนรุ่นนี้มักเลือกนั่งสบาย ๆ แม้ในที่ประชุม เช่น การนั่งพื้นบนถุงบีนแบ็กแทนเก้าอี้ แลนนีกล่าวว่า มักจะเป็น Gen Z ที่หาที่นั่งไม่เหมือนใคร

ความเป็นตัวเองคือเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม Gen Z นี่คือบรรทัดฐาน Gen Z ที่แสดงว่าเป็นใคร ยืนหยัดเพื่ออะไร และคุณค่าคืออะไร การกระทำและการสนทนาที่ตั้งอยู่บนคุณค่ามีความหมายสำหรับเรา และตระหนักว่านี่คือพลังพิเศษที่ทำให้คนจดจำ

สุขภาพจิตคือหัวใจ

เรื่องสุขภาพจิตซึ่งเคยเป็นเรื่องเงียบ ๆ ในที่ทำงาน กลายเป็นประเด็นที่ Gen Z ให้ความสำคัญอย่างยิ่งการศึกษาของ EY จากผู้ตอบกว่า 10,000 คน อายุ 18–34 ปี พบว่า 51% มองว่าสุขภาพกายและใจคือปัจจัยหลักของความสำเร็จ มากกว่าความมั่งคั่ง อาชีพ หรือครอบครัว

หลี่กล่าวว่า หลังโควิดความปลอดภัยทางจิตใจสำคัญมากสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะทำให้สามารถแสดงด้านอารมณ์ในที่ทำงานได้ 

Gen Z ไม่ต้องการสื่อสารแบบทางการตลอดเวลา แต่ต้องการความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจมากขึ้น คนรุ่นนี้เปิดกว้างเรื่องสุขภาพจิตมากขึ้น รวมถึงการหยุดพักเพื่อสุขภาพจิตที่กำลังได้รับการยอมรับในองค์กร

การนำ AI มาใช้ในงาน

Gen Z ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด (Generative AI) ในการทำงานมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความก้าวหน้า

เกรซี ลิซซิค อายุ 25 ปี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่สามารถทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือปกติของทีมได้ นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่เราสามารถช่วยทีมของเราใช้ AI ได้จริง ๆ

ข้อมูลจาก Deloitte ระบุว่า 57% ของ Gen Z ใช้ AI ในงานประจำ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูล หรือจัดการโครงการ และส่วนใหญ่มีทัศนคติในเชิงบวก

คนทำงานรุ่น Gen Z ใช้ AI เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านความรู้ ความมั่นใจ และการสนับสนุนทางอาชีพ มองเสมือนโค้ชหรือผู้ช่วยดิจิทัล แม้จะไม่แทนพี่เลี้ยงมนุษย์ได้ทั้งหมด แต่สำหรับ Gen Z แล้ว AI คือเครื่องมือที่เชื่อถือได้ อยู่ด้วยตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการตัดสิน และตอบสนองได้มากกว่าผู้จัดการที่ยุ่ง

อ้างอิงข้อมูล

CNBC