นายกฯ สั่ง สธ. ดูแลประชาชนพื้นที่น้ำท่วม เร่งจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม 

17 พ.ย. 2568 | 05:10 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2568 | 05:17 น.

นายกฯอนุทิน ห่วงสุขภาพประชาชน มอบ รมว.พัฒนา สั่งการทุกจังหวัดดูแลช่วยเหลือ ด้านทีมกรมอนามัยยังคงลงพื้นที่ส่งเสริมสุขภาพและจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
  • เน้นย้ำให้กรมอนามัยจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม เช่น ตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มน้ำใช้ การจัดการส้วม และการกำจัดขยะ
  • ให้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัย เช่น ยา ชุดของใช้ส่วนตัว และให้ความรู้ในการป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม

17 พฤศจิกายน 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยสุขภาพประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม จึงได้เน้นย้ำให้กระทรวงสาธารณสุข ยังติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

สำหรับพื้นที่ที่น้ำลด คลี่คลายให้เร่งฟื้นฟูสถานบริการ พร้อมทั้ง มอบหมายให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ จัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม และสร้างความรอบรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย 

ด้านพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ทีม SEhRt ลงพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนในสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งนี้ จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายพัฒนา พร้อมพัฒน์) 

กรมอนามัย จึงได้กำหนดแนวทางการส่งเสริมสุขภาพ และจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบภัย ดังนี้

1) เพิ่มความเข้มงวดด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้ำท่วม จัดทีมตรวจสอบน้ำดื่ม น้ำใช้ในศูนย์พักพิงและหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมติดตามคุณภาพส้วมชั่วคราว การกำจัดขยะ และสิ่งปฏิกูล

นายกฯ สั่ง สธ. ดูแลประชาชนพื้นที่น้ำท่วม เร่งจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม 

2) สนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ส้วมกระดาษ ชุดนายสะอาด "V-Clean" ยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ยารักษาโรค EM น้ำ ลดการเน่าเสียของน้ำท่วมขัง ถุงดำ ชุดแปรงสีฟัน น้ำยาล้างมือ หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ รองเท้าบู๊ทและน้ำดื่มบรรจุขวด

3) เฝ้าระวังโรคร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

4) สื่อสารความเสี่ยงเผยแพร่คำแนะนำด้านสุขอนามัย รวมทั้ง สื่อสารแจ้งเตือนกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจอนามัยโพล ปี 2567 พบว่า 3 อันดับแรก ที่ประชาชนกลัวหรือกังวลมากที่สุดเวลาเกิดน้ำท่วม คือ การไม่มีที่อยู่ ลำบาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ร้อยละ 55 รองลงมา คือ การเดินทางลำบาก ไปไหนไม่ได้ และไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำกิน เท่ากันที่ ร้อยละ 54 และบ้านพัง ข้าวของเสียหาย ร้อยละ 48

สำหรับคำแนะนำด้านสุขภาพจากกรมอนามัยที่ประชาชนต้องการมากที่สุด 3 เรื่องแรก คือ วิธีป้องกันโรคจากน้ำท่วม ร้อยละ 57 รองลงมา คือ การทำส้วมฉุกเฉิน การขับถ่ายและกำจัดสิ่งปฏิกูลช่วงน้ำท่วม ร้อยละ 50 และการทำน้ำสะอาดไว้ใช้ในบ้าน ร้อยละ 35

นายกฯ สั่ง สธ. ดูแลประชาชนพื้นที่น้ำท่วม เร่งจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม 

กรมอนามัย จึงขอให้คำแนะนำประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วม ดังนี้ 

1. จัดกระเป๋าฉุกเฉิน พร้อมยา เสื้อผ้า แบตเตอรี่สำรอง เอกสารสำคัญ อาหารและน้ำดื่ม

2. ติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการ และวางแผนอพยพเมื่อจำเป็น

3. ป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม ด้วยการหลีกเลี่ยงการลุยน้ำสกปรก สวมรองเท้าบูท หรือรองเท้าที่ป้องกันบาดแผล ล้างมือและร่างกายด้วยสบู่ทันทีหลังสัมผัสน้ำ

4. การจัดการส้วมฉุกเฉินและสิ่งปฏิกูล ใช้ภาชนะที่ปิดมิดชิด รองด้วยถุงขยะ 2 ชั้น ใส่ปูนขาวหรือผงดูดซับกลิ่นหลังขับถ่าย ทิ้งในจุดที่หน่วยงานท้องถิ่นกำหนด

5. สำรองอาหารแห้ง/อาหารกระป๋อง อย่างน้อย 3–5 วัน เก็บอาหารและน้ำในภาชนะปิดสนิด

6. ความปลอดภัย ยกของใช้ขึ้นที่สูง ปิดระบบไฟฟ้าในพื้นที่น้ำท่วม และสังเกตสัตว์มีพิษในบ้าน