สธ.เคาะแผนเชิงรุก ปั้นนวดไทย 1 หมื่นคน ยกระดับสมุนไพรสู่อุตฯเชิงพาณิชย์
สาธารณสุข เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพด้วยภูมิปัญญาไทยและนวัตกรรม พัฒนาแรงงานนวดไทย 1 หมื่นคนควบคู่ยกระดับสมุนไพรไทยสู่อุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ เตรียมจัดมหกรรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านระดับภาค ปีที่ 18 ต้นปีหน้า
KEY
POINTS
- กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้าโครงการปั้นหมอนวดไทย 10,000 คนทั่วประเทศภายในปี 2569 เพื่อสร้างอาชีพและผลักดันให้เป็น Soft Power ของชาติ
- ร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ลงนาม MOU เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ยกระดับสู่ระดับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์
- จัดทำระบบ "Providers Nuad Thai" ให้ผู้ให้บริการนวดลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" พร้อมมีระบบให้คะแนนเพื่อสร้างมาตรฐานการบริการ
12 พฤศจิกายน 2568 นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงาน โดยมี ดร. นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวรโชติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการยกระดับบริการสุขภาพด้วยภูมิปัญญาไทย เพื่อสร้างเศรษฐกิจสุขภาพที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดยมอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดำเนินการ 2 นโยบายหลัก ได้แก่
1. โครงการปั้นหมอนวด 10,000 คน สร้างอาชีพ มุ่งพัฒนา "นวดไทย" ให้เป็น Soft Power ของชาติ ผลิตแรงงานด้านการนวดไทยเพื่อสุขภาพไม่น้อยกว่า 10,000 คนทั่วประเทศ ระหว่างเดือนตุลาคม 2568 – กันยายน 2569 พร้อมจัดทำ "Providers Nuad Thai" ให้ผู้ให้บริการนวดทั้งภาครัฐและเอกชนลงทะเบียนผ่านระบบ "หมอพร้อม"
มีระบบให้คะแนนคุณภาพ เพื่อสร้างแรงจูงใจและมาตรฐานการบริการ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน และยกระดับนวดไทยสู่เวทีโลก
2.พัฒนาสมุนไพรไทยครบวงจร ด้วยการร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในการวิจัย ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับอุตสาหกรรม
ล่าสุดวันนี้ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริม วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ระหว่าง 2 หน่วยงานเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อสร้างการยอมรับและยกระดับมาตรฐานความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เพิ่มมูลค่าสู่ระดับอุตสาหกรรมโดยจะร่วมกันพัฒนาเครื่องหมายการค้า
พัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร คัดเลือกผลิตภัณฑ์สมุนไพรและบริหารจัดการระบบการซื้อขายในช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนร่วมกันใช้ระบบบริหารจัดการยาสมุนไพร
นอกจากนี้ยังได้เตรียมจัดมหกรรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย ระดับภาค ปีที่ 18 ในช่วงเดือนมกราคม 2569 ที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อผลักดันการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ พื้นบ้านและสมุนไพรให้เป็นที่รู้จัก สร้างความเชื่อมั่น และใช้ดูแลสุขภาพประชาชน เผยแพร่องค์วามรู้ เชื่อมสู่ระบบบริการของรัฐและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรสร้างเศรษฐกิจ
ตลอดจนยกระดับหมอพื้นบ้านให้มีบทบาทในชุมชน ซึ่งทั้งหมดเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพไทยให้เติบโตบนฐานภูมิปัญญาและนวัตกรรม โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ สุขภาพที่ดีของประชาชนควบคู่กับการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน