KEY
POINTS
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามนโยบายของนายพัฒนา พร้อมพัฒน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดนโยบายกระทรวงสาธารณสุข “ยกระดับบริการการแพทย์ขั้นสูงที่เข้าถึงได้ และทันสมัยภายใต้นโยบาย “Advance & Smart” ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้บริการการแพทย์ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่
กรมการแพทย์ สถาบันโรคทรวงอก จึงได้นำเทคโนโลยีการรักษาสมัยใหม่ ด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านทางสายสวน (TAVI) มาเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วย ลดความเจ็บปวด ฟื้นตัวเร็ว และปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Valve Stenosis) เป็นภาวะที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติก
สำหรับลิ้นหัวใจเอออร์ติก เป็นตัวหลักที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดจากหัวใจไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย มักเกิดการตีบแคบจากความเสื่อมตามอายุ หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่มีมาตั้งแต่กำเนิด เช่น Bicuspid aortic valve เมื่อใช้ไปนานเข้าทำให้ลิ้นหัวใจหนาแข็งมีหินปูนมาเกาะ ส่งผลให้ลิ้นเปิดปิดได้ไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาคือเลือดสูบฉีดออกจากหัวใจได้น้อยลง
ผู้ป่วยที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรงจะมีอาการเหนื่อยง่าย จุกแน่นหน้าอก โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือออกกำลังกาย บางรายอาจมีอาการเป็นลมหมดสติ หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลว น้ำท่วมปอด หอบ หายใจลำบาก โดยเฉพาะเวลานอนราบหรือเวลานอนตอนกลางคืน นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของผู้ป่วยในกลุ่มนี้อาจจะมีโอกาสเสียชีวิตอย่างกระทันหันได้
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะในรายที่มีอาการุนแรง แพทย์จะพิจารณาการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทำให้การไหลเวียนของเลือดกลับมาได้เป็นปกติและช่วยยืดอายุผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ
ด้าน นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน หรือ TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation) เป็นทางเลือกใหม่ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรงและมีอาการชัดเจน เช่น เหนื่อยง่าย เป็นลมหมดสติ เจ็บแน่นหน้าอก
หากผู้ป่วยได้รับการประเมินจากทีมแพทย์ว่ามีอัตราเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 80 ปีหรือมีโรคประจำตัวหลายอย่าง จะมีผลต่อการผ่าตัดและการพักฟื้นของผู้ป่วย ดังนั้น การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน ที่เป็นหัตถการที่ใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนทางหลอดเลือดบริเวณขาหนีบโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ จะช่วยลดความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนน้อย ฟื้นตัวเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยจะต้องประเมินอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสหสาขา ได้แก่ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศัลยแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ รังสีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษาด้วย TAVI ที่สถาบันโรคทรวงอกเริ่มต้นในปี 2558 ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยเริ่มจากการรักษาผู้ป่วย 10 รายแรก
ต่อมาในปี 2561 ได้พัฒนาการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านทางสายสวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล ในปี 2564 ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม TAVI Training Center เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันสถาบันโรคทรวงอก รักษาผู้ป่วยด้วยวิธี TAVI แล้วกว่า 120 ราย ภายใต้โครงการ TAVI Training Center ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการผ่าตัดแบบดั้งเดิม