TAVI นวัตกรรมเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทางเลือกใหม่สำหรับ ‘ผู้ป่วยโรคหัวใจ’

23 ต.ค. 2568 | 08:22 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ต.ค. 2568 | 08:30 น.

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เผยนวัตกรรมทางเลือกรักษา “ผู้ป่วยโรคหัวใจ” ด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน (TAVI) ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยสู่มาตรฐานสากล

KEY

POINTS

  • TAVI คือนวัตกรรมการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบ
  • เป็นทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
  • ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้คือช่วยลดความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนน้อย ทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อยลง ฟื้นตัวเร็ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามนโยบายของนายพัฒนา พร้อมพัฒน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดนโยบายกระทรวงสาธารณสุข “ยกระดับบริการการแพทย์ขั้นสูงที่เข้าถึงได้ และทันสมัยภายใต้นโยบาย “Advance & Smart” ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้บริการการแพทย์ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ 

กรมการแพทย์ สถาบันโรคทรวงอก จึงได้นำเทคโนโลยีการรักษาสมัยใหม่ ด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านทางสายสวน (TAVI) มาเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วย ลดความเจ็บปวด ฟื้นตัวเร็ว และปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ (Aortic Valve Stenosis) เป็นภาวะที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติก 

สำหรับลิ้นหัวใจเอออร์ติก เป็นตัวหลักที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดจากหัวใจไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย มักเกิดการตีบแคบจากความเสื่อมตามอายุ หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่มีมาตั้งแต่กำเนิด เช่น Bicuspid aortic valve เมื่อใช้ไปนานเข้าทำให้ลิ้นหัวใจหนาแข็งมีหินปูนมาเกาะ ส่งผลให้ลิ้นเปิดปิดได้ไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาคือเลือดสูบฉีดออกจากหัวใจได้น้อยลง 

TAVI นวัตกรรมเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทางเลือกใหม่สำหรับ ‘ผู้ป่วยโรคหัวใจ’

อาการของผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรงจะมีอาการเหนื่อยง่าย จุกแน่นหน้าอก โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือออกกำลังกาย บางรายอาจมีอาการเป็นลมหมดสติ หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลว น้ำท่วมปอด หอบ หายใจลำบาก โดยเฉพาะเวลานอนราบหรือเวลานอนตอนกลางคืน นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของผู้ป่วยในกลุ่มนี้อาจจะมีโอกาสเสียชีวิตอย่างกระทันหันได้ 

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะในรายที่มีอาการุนแรง แพทย์จะพิจารณาการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทำให้การไหลเวียนของเลือดกลับมาได้เป็นปกติและช่วยยืดอายุผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ

ด้าน นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน หรือ TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation) เป็นทางเลือกใหม่ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรงและมีอาการชัดเจน เช่น เหนื่อยง่าย เป็นลมหมดสติ เจ็บแน่นหน้าอก 

หากผู้ป่วยได้รับการประเมินจากทีมแพทย์ว่ามีอัตราเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 80 ปีหรือมีโรคประจำตัวหลายอย่าง จะมีผลต่อการผ่าตัดและการพักฟื้นของผู้ป่วย ดังนั้น การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน ที่เป็นหัตถการที่ใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนทางหลอดเลือดบริเวณขาหนีบโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ จะช่วยลดความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อนน้อย ฟื้นตัวเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น

TAVI นวัตกรรมเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทางเลือกใหม่สำหรับ ‘ผู้ป่วยโรคหัวใจ’

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยจะต้องประเมินอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสหสาขา ได้แก่ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศัลยแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ รังสีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยเหมาะสมกับการรักษาด้วย TAVI ที่สถาบันโรคทรวงอกเริ่มต้นในปี 2558 ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยเริ่มจากการรักษาผู้ป่วย 10 รายแรก 

ต่อมาในปี 2561 ได้พัฒนาการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านทางสายสวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานสากล ในปี 2564 ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม TAVI Training Center เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันสถาบันโรคทรวงอก รักษาผู้ป่วยด้วยวิธี TAVI แล้วกว่า 120 ราย ภายใต้โครงการ TAVI Training Center ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการผ่าตัดแบบดั้งเดิม