ยกระดับสาธารณสุขไทยด้วย ‘ลิ้นหัวใจเทียม’ นวัตกรรมรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด

จากสถิติจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบคนไทยมากกว่า 2.5 แสนคน กำลังเผชิญกับโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติก เป็นโรคลิ้นหัวใจที่พบบ่อยที่สุด และมีผู้เสียชีวิตกว่า 4 หมื่นรายต่อปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบเกิดจากการสะสมของแคลเซียม ทำให้ลิ้นหัวใจหนาและแข็งตัวขึ้น การทำงานของลิ้นหัวใจลดลง และการไหลเวียนของเลือดจากหัวใจถูกจำกัดอย่างมีนัยสำคัญ 

เมื่อเริ่มแสดงอาการแล้วภาวะของโรคจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 10 หรืออาจเสียชีวิตภายในห้าสัปดาห์ ดังนั้น การตรวจและวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้น พร้อมทั้งเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ดังนั้น Edwards Lifesciences (NYSE: EW) ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมโรคหัวใจและหลอดเลือดเชิงโครงสร้าง (Structural Heart Disease) จึงได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ในงานสัมมนา Mahidol TAVI Symposium ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาภาระของภาวะลิ้นหัวใจในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดทั่วโลก

รศ.นพ.ณัฐวุฒิ วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้าหน่วยหัตถการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความทนทานของลิ้นหัวใจเทียม ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาลิ้นหัวใจ หากมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น จะช่วยให้ผู้ป่วยและระบบสาธารณสุขของประเทศจะรับประโยชน์ ช่วยสนับสนุนความพยายามในการลดผลกระทบอันร้ายแรงจากโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและเสียชีวิตได้

นพ.แมน จันทวิมล ผู้เชี่ยวชาญด้านหัตถการหัวใจเชิงโครงสร้าง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การเปิดตัวลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนรุ่นใหม่ ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับวงการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากสถิติระดับโลกที่น่าตกใจ แสดงให้เห็นว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก และส่งผลกระทบต่อคนไทยมากกว่า 2.5 แสนคน 

ดังนั้น เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นความหวังใหม่ให้แก่ผู้ป่วย สาารถมอบทางเลือกการรักษาที่เน้นความปลอดภัยกับประสิทธิภาพในระยะยาว ขณะเดียวกันการตรวจวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้นยังคงมีความสำคัญ และเทคโนโลยีนี้ถือเป็นความก้าวหน้าในการเพิ่มความสามารถด้านการรักษาไปอีกระดับ

Mr. Scott Graham หัวหน้าหน่วยธุรกิจ THV ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Edwards Lifesciences กล่าวว่า ลิ้นหัวใจเทียมรุ่นล่าสุดนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนาเกือบสองทศวรรษ และสะท้อนถึงความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของ Edwards ในการส่งมอบการรักษาที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดยังตอกย้ำความสำคัญในการจัดการกับโรคลิ้นหัวใจตลอดช่วงชีวิตของผู้ป่วย นวัตกรรมนี้ได้ยกระดับความก้าวหน้าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เน้นผลลัพธ์ระยะยาวที่ยั่งยืน และเปิดโอกาสในการรักษาในอนาคต

ด้าน Mr. Parameswaran Nair หัวหน้าประจำประเทศอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้Edwards Lifesciences กล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบจัดการโรคหัวใจและหลอดเลือดในเชิงรุก และออกประกาศเตือนภัยด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาช่วยชีวิตในภาวะวิกฤตระดับโลก 

ดังนั้น จึงรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความพยายามดังกล่าวผ่านการนำนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยสู่ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ไทย ด้วยประสบการณ์ด้านนวัตกรรมมากกว่า 65 ปี บริษัท Edwards Lifesciences มุ่งมั่นที่จะยกระดับการรักษาผู้ป่วย การเปิดตัวนวัตกรรมนี้จะช่วยสนับสนุนความเป็นเลิศทางการแพทย์ของประเทศไทย และการเข้าถึงการรักษาโรคหัวใจชั้นนำในขณะที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น

"ประเทศไทยกำลังมุ่งจัดการกับภาระของโรคหัวใจและหลอดเลือด ผ่านทั้งวิธีเชิงป้องกันและการรักษา บริษัท Edwards Lifesciences ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับแพทย์ผู้นำและสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำ เพื่อขยายการเข้าถึงการรักษา สนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดผ่านทางเลือกการรักษาที่ทันสมัย ท่ามกลางข้อมูลสถิติทั่วโลกที่ระบุว่าโรคดังกล่าวคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 19 ล้านคนต่อปี”