KEY
POINTS
ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง มีปัญหาเรื่องการค้างชำระหนี้ค่าบริการแก่โรงพยาบาลทำให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานและกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน
เรื่องนี้แม้แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวยอมรับว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีหนี้สินค้างชำระกับโรงพยาบาลเกือบทุกแห่งเตรียมพิจารณาใช้งบประมาณกลางเพื่อชำระหนี้แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้
ปัญหาข้อพิพาทล่าสุดระหว่าง สปสช. กับ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ สะท้อนภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจน โดยมีจุดเริ่มต้นในปี 2563 เมื่อ สปสช. ยกเลิกสัญญา คลินิกชุมชนอบอุ่น และ โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากตรวจพบการทุจริตข้อมูล
โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นแห่งเดียวที่ผ่านการตรวจสอบโดย "ไม่พบการทุจริต" ส่งผลให้ในเวลาต่อมาต้องรับภาระผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้นอย่างมากแทนหน่วยบริการที่ถูกยกเลิกสัญญาทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 13 ล้านบาท (ปัจจุบันดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองกว่า 4.7 หมื่นคน)
สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 เมื่อสปสช. ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงบประมาณผู้ป่วยนอกเป็น OP New Model 5 ในรูปแบบเหมาจ่ายรายหัว โดยกำหนดให้ต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนการจ่ายชดเชยทุกครั้ง ก่อนมีการส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงขอตรวจสอบข้อมูลบริการย้อนหลังตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 การเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าวส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการจ่ายชดเชยให้กับโรงพยาบาลรับส่งต่อ
อย่างไรก็ดี มีความพยายามในการแก้ไขปัญหามาต่อเนื่องโดยในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 สปสช. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหากับผู้บริหารโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดยโรงพยาบาลได้เสนอให้เร่งรัดการจ่ายค่าบริการที่คงค้างโดยเร็วและขอให้พิจารณาจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วนเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินงาน
คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีการประชุมในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 และมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid) เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของหน่วยบริการในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งเห็นชอบให้ปรับกระบวนการตรวจสอบก่อนการเบิกจ่ายให้รวดเร็วและทันเวลา ทั้งยังได้อนุมัติให้ขยายจำนวนประชากรเพื่อขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรทองของโรงพยาบาลเพิ่มตามศักยภาพการบริการ
ภายหลังมติบอร์ดเพียง 2 วัน สปสช.ได้โอนเงินล่วงหน้าให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จำนวน 60 ล้านบาทในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 และเลขาธิการ สปสช. ได้แถลงรับทราบปัญหาพร้อมแนวทางแก้ไขในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567
แม้จะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องแต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่คลี่คลาย กระทั่งในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 พลตรี นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทวงหนี้ค้างชำระจำนวน 110 ล้านบาทจาก สปสช. พร้อมประกาศหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ระบุว่า
สปสช. ว่าไม่จริงจังและไม่รับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาหนี้สินค้างชำระข้ามปีงบประมาณ ผลักภาระให้ผู้ป่วยและโรงพยาบาล จนไม่สามารถหมุนเวียนเงินเพื่อจ่ายค่าแพทย์ บุคลากร และค่ายาได้
รุ่งขึ้น 8 ตุลาคม 2568 สปสช. กำหนดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าว แต่ได้ยกเลิกไป ซึ่งมีรายงานว่า หมอเหรียญทอง ได้เดินทางไปเพื่อฟังการชี้แจงดังกล่าวด้วยแต่ไม่มีการแถลง จนกระทั่งวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สปสช.จึงกำหนดการจัดแถลงข่าวอีกครั้ง โดย หมอเหรียญทองได้เข้าร่วมฟังการแถลงอีกครั้ง
ข้อพิพาทระหว่าง สปสช. กับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาโครงสร้างของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยเฉพาะเรื่องของกลไกการจ่ายชดเชยค่าบริการและการกระจายภาระผู้ป่วย โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมระบบต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงินจากการจ่ายเงินล่าช้าและการรับภาระผู้ป่วยจำนวนมาก ขณะที่ สปสช. ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์พร้อมแก้ไขปัญหามาต่อเนื่องถึงวันนี้