KEY
POINTS
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์หนี้สินของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ค้างชำระต่อหน่วยบริการ โดยระบุว่า สปสช. ติดหนี้แทบจะทุกโรงพยาบาลเลย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในการนำเสนอที่จะของบฯกลางเพื่อเข้ามาเคลียร์บัญชีล้างหนี้เหล่านี้ โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในการพิจารณาของสำนักงบประมาณ
และหากพบว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนและ เข้าเกณฑ์ นายกรัฐมนตรีก็จะเร่งดำเนินการให้ทันที พร้อมทั้งเรียกร้องให้ สปสช. เร่งบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพ
ชนวนเหตุ: รพ.มงกุฎวัฒนะ หยุดรับผู้ป่วยนอกบัตรทอง
การพิจารณาใช้งบกลางเพื่อสะสางหนี้ในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ประกาศว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจำเป็นต้อง หยุดให้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2568
เหตุผลที่ต้องหยุดให้บริการเนื่องจาก สปสช. ไม่ได้ชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลที่สะสมข้ามปีงบประมาณ จนมียอดสะสมมากกว่า 100 ล้านบาท การค้างชำระดังกล่าวส่งผลให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงจนไม่สามารถหมุนเงินเพื่อจ่ายค่าแพทย์ บุคลากร และค่ายาได้
สปสช. ปฏิเสธยอดหนี้ 110 ล้านบาท ยันเร่งจ่าย 37 ล้าน
อย่างไรก็ตาม ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 โดย ยืนยันว่าตัวเลขหนี้ค้างจ่าย 110 ล้านบาท ไม่เป็นความจริง
ทพ.อรรถพรระบุว่า ตัวเลขที่ตรวจสอบพบและต้องจ่ายให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ณ วันนี้คือ ประมาณ 37 ล้านบาท ความล่าช้าในการจ่ายเงินเกิดจากกระบวนการทบทวนข้อมูลในช่วงสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งในกรุงเทพฯ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Stakeholder) ค่อนข้างมาก ทั้งรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สปสช. ยืนยันว่าจะ ไม่ให้ผู้มีสิทธิบัตรทองประมาณ 47,000 คน ที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะได้รับผลกระทบ โดยจะจัดหน่วยบริการไว้รองรับ
จับตา 8,000 ล้านบาท: สว. วีระพันธ์ ขอให้จ่ายหนี้ก่อนเริ่มโครงการใหม่
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่มี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบเสนอของบกลางประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดสรรให้กับหน่วยบริการให้ใช้เป็น ทุนหมุนเวียนในการให้บริการประชาชน โดยงบประมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ รองรับนโยบาย "ฟอกไตฟรีทุกแห่ง" ของรัฐบาลด้วย
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.)ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขอให้สังคมจับตา และให้ สปสช. นำ “งบกลาง” 8,000 ล้านบาท มาชำระหนี้โรงพยาบาลให้ครบก่อน ที่จะเริ่มโครงการใหม่ โดย นพ.วีระพันธ์ ได้ย้ำเตือนรัฐมนตรีว่า หากโรงพยาบาลลำบาก ประชาชนอาจจะไม่ได้ยาดี และปัญหาการค้างจ่ายนี้เป็นปัญหาของประชาชนทั้งประเทศ”
นพ.วีระพันธ์ อธิบายว่า เมื่อ สปสช. ไม่จ่ายเงินคืนตามจำนวนจริง ทำให้โรงพยาบาล “ไม่มีเงินหมุน” ส่งผลให้บริษัทไม่ปล่อยยา, ขาดงบซ่อมแซมเครื่องมือแพทย์, ยาที่เคยใช้ดีต้องเปลี่ยนเป็นยาราคาถูกแทน, และอาจทำให้หลายแห่ง ต้องหยุดให้บริการ เช่นเดียวกับ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และคลินิกในกรุงเทพฯ อีกหลายแห่งที่ทยอยปิดตัวลง โดยเน้นย้ำว่า สุขภาพของคนไทยทุกคน ไม่ควรต้องขึ้นอยู่กับการจ่ายช้าของใครเลย