ไทยขึ้นแท่นศูนย์กลาง Wellness Economy แห่งเอเชีย ตลาดสุขภาพโต 28.4%

26 ต.ค. 2568 | 22:15 น.

รายงาน GWI ชี้เศรษฐกิจสุขภาพไทยโตแรงสุดในเอเชีย มูลค่าแตะ 1.3 ล้านล้านบาท ปี 2567 จ่อพุ่งแตะ 1.7 ล้านล้าน คนไทยเปลี่ยนมุมมอง “สุขภาพคือการลงทุน”

KEY

POINTS

  • ตลาดเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) ของไทยในปี 2566 มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท เติบโตสูงถึง 28.4% และคาดว่าจะแตะ 1.7 ล้านล้านบาทในปี 2567
  • ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเชีย คือการผสมผสานจุดแข็งด้านระบบการแพทย์มาตรฐานสากล บุคลากรทักษะสูง และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง
  • ตลาดถูกขับเคลื่อนโดย 2 ส่วนหลัก คือ ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท และตลาดสุขภาพในประเทศที่เติบโตจากการที่ผู้บริโภคหันมาลงทุนดูแลสุขภาพมากขึ้น

ในยุคที่ “สุขภาพ” ไม่ได้หมายถึงการไม่มีโรคอีกต่อไป แต่คือการลงทุนในคุณภาพชีวิต ประเทศไทยกำลังกลายเป็นหนึ่งในประเทศดาวรุ่งของโลกด้านเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) อย่างแท้จริง

รายงานล่าสุดจาก Global Wellness Institute (GWI) เผยว่าในปี 2566 มูลค่าตลาด Wellness Economy ของไทยพุ่งแตะ กว่า 1.3 ล้านล้านบาท หรือราว 40.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตแรงถึง 28.4% ภายในปีเดียว หนึ่งในอัตราการเติบโตสูงสุดในเอเชีย GWI ประเมินว่าเศรษฐกิจสุขภาพของไทยจะแตะระดับ 1.7 ล้านล้านบาทภายในปี 2567 โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ตลาดสุขภาพภายในประเทศ (Health & Wellness Domestic Market) มูลค่ากว่า 497,000 ล้านบาท ครอบคลุมผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริม ฟิตเนส สปา และบริการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
  2. ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness Tourism) มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เลือก “ประเทศไทย” เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ

Wellness คือเศรษฐกิจใหม่ของไทย

การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสุขภาพไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เกิดจาก “จังหวะเหมาะของโครงสร้างประเทศ” ที่ผสมผสานจุดแข็งทั้งสามด้าน ระบบการแพทย์มาตรฐานสากล บุคลากรสุขภาพที่มีทักษะสูง และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับโลก จนทำให้ไทยก้าวสู่การเป็น “Wellness Hub of Asia” ได้อย่างชัดเจน

รีสอร์ตสุขภาพ สปา โรงพยาบาลเอกชน ไปจนถึงศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้รับอานิสงส์จากกระแสการเดินทางเพื่อสุขภาพทั่วโลกที่เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 15% หลังยุคโควิด-19 โดยประเทศไทยติด Top 5 ประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลก

ไทยขึ้นแท่นศูนย์กลาง Wellness Economy แห่งเอเชีย ตลาดสุขภาพโต 28.4%

จากฐานข้อมูลของ GWI ในอีกด้านหนึ่ง ธุรกิจในประเทศเองก็ปรับตัวเร็ว จากฟิตเนสแบบดั้งเดิม สู่สตูดิโอออกกำลังกายเฉพาะทาง (Boutique Fitness), คาเฟ่สุขภาพ, คลินิกดูแลผิวเชิงเวชศาสตร์, และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผสานเทคโนโลยีใหม่ เช่น Personalized Nutrition

“สุขภาพคือการลงทุนใหม่” พฤติกรรมผู้บริโภคที่พลิกตลาด

เทรนด์ผู้บริโภคไทยสะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า “สุขภาพ” ได้กลายเป็นหนึ่งในหมวดการใช้จ่ายที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศ ข้อมูลจาก Grand View Research ระบุว่า ตลาดอาหารเสริม (Dietary Supplements) ของไทยมีมูลค่า กว่า 87,000 ล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าจะขยายตัวแตะ 159,000 ล้านบาทในปี 2573

ขณะที่ตลาด Functional & Nutritional Products เช่น เครื่องดื่มโปรตีน โยเกิร์ตสุขภาพ หรืออาหารเสริมในรูปแบบอาหารพร้อมบริโภค ]จะเติบโตจาก 149,000 ล้านบาท เป็น 200,000 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน

การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังสะท้อนทิศทางเดียวกัน จากฐานข้อมูลของ CardX พบว่า หมวด “โรงพยาบาล” ติดอันดับ Top 3 หมวดการใช้จ่ายสูงสุดของผู้ถือบัตรเครดิตติดต่อกันตั้งแต่ปี 2565 – 2568 สะท้อนว่า คนไทยยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว

โอกาสทองของธุรกิจไทย

ท่ามกลางกระแสโลกที่หันมามอง “Wellness Economy” เป็นเศรษฐกิจแห่งอนาคต ธุรกิจไทยกำลังอยู่ในจุดพลิกเกมสำคัญจากการเป็น “ผู้ให้บริการสุขภาพ” ไปสู่ “ผู้สร้างประสบการณ์สุขภาพครบวงจร”

กลุ่มรีสอร์ต โรงพยาบาลเอกชน และผู้ประกอบการ SME ด้านอาหารและสมุนไพรไทยเริ่มผนึกกำลังสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เช่น การนำภูมิปัญญาไทยมาผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Thai Wellness Heritage) การพัฒนาอาหารสุขภาพในรูปแบบพร้อมบริโภค และการออกแบบบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการทั้งสุขภาพและประสบการณ์

ในอนาคตอันใกล้แนวโน้มสำคัญที่จะเข้ามาเสริมทัพตลาดนี้คือ Personalized Wellness โภชนาการและการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล, Mental Wellness การดูแลสุขภาพจิต และ Digital Wellness การใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันในการติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์

ไทยพร้อมขึ้นแท่น “Wellness Capital of Asia”

เศรษฐกิจสุขภาพไม่เพียงสร้างรายได้ระดับล้านล้านบาทต่อปี แต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของสังคมไทยสู่ “สังคมสุขภาพเชิงรุก” (Proactive Health Society) ที่ผู้คนเห็นคุณค่าของการลงทุนในสุขภาพเช่นเดียวกับการลงทุนในอนาคตทางการเงิน

หากรัฐเอกชนเดินไปในทิศทางเดียวกัน สนับสนุนมาตรฐานบริการ ควบคู่กับการสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศด้าน Wellness ไทยมีศักยภาพมากพอจะก้าวสู่ “เมืองหลวงสุขภาพแห่งเอเชีย” ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

“Wellness Economy ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราว แต่คือเศรษฐกิจอนาคตที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลก  และประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดที่พร้อมที่สุดที่จะคว้าโอกาสนี้”

 

ข้อมูลจาก : บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SCBX เช่นเดียวกับธนาคาร