KEY
POINTS
นายปาณิพันธ์ ตันตยาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารธุรกิจรพ.พญาไท พหลโยธิน กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลหลักภายใต้เครือโรงพยาบาลพญาไท–เปาโล ในกลุ่ม BDMS เปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี ทั้งด้านการดูแลสุขภาพและ Wellness Program สำหรับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ กว่า 1,900 องค์กร ครอบคลุมการตรวจสุขภาพประจำปี การจัดการด้านอาชีวเวชศาสตร์ และโครงการเสริมสร้างสุขภาพเชิงป้องกันต่างๆ
ล่าสุดได้พลิกโฉมสู่ Flagship Hub ด้าน Healthcare ยุคใหม่ของย่านพหลโยธิน ภายใต้แนวคิด “Value Personalized Care – ราคาเข้าถึงได้ บริการเข้าใจคุณ” เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม New Age ที่ใส่ใจสุขภาพและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน นับได้ว่าปรับเปลี่ยนทิศทางครั้งสำคัญ มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตั้งแต่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ควบคู่ไปกับการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานในราคาที่เข้าถึงได้และคุ้มค่า
“ในปี 2568-2569 เราได้วางเป้าหมายว่าโรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน จะต้องเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน โดยมีหัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้คือ ‘You Pay What You Want’ หรือการจ่ายในสิ่งที่ต้องการจริงๆ และเป็นการเติบโตด้วยปริมาณผู้ใช้บริการ (Volume) ไม่ใช่การเติบโตด้วยการทำให้ราคาแพงขึ้น เพราะเป้าหมายหลักของเราคือการเป็นโรงพยาบาลที่เข้าถึงได้ง่าย เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพและมาตรฐานการรักษากับโรงพยาบาลอื่น พร้อมวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ในระดับ Premium Mass”
นายปาณิพันธ์ กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ได้ออกแบบพื้นที่และบริการโดยยึด "Patient Journey" เป็นศูนย์กลาง ใส่ใจในทุกจุดสัมผัส (Touch Point) ของผู้ป่วย เช่น การออกแบบเก้าอี้ แสงสว่าง หรือห้องพักผู้ป่วยที่เลือกได้ตามความต้องการ ทำหน้าที่เป็น "โค้ช" ด้านสุขภาพ และดูแลคนในสัดส่วน 90% ของชีวิตที่ยังไม่ป่วย กลุ่มลูกค้าหลักก็เปลี่ยนจากผู้สูงอายุมาเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน และกว่า 40% เป็นลูกค้าประกัน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้น
ขณะที่ปัจจุบัน ให้บริการทั้งผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีสัดส่วนชาวไทย 94.5% กลุ่มใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งคือลูกค้าประกัน และชาวต่างชาติ 5.5 % จากตะวันออกกลาง เมียนมา ถัดมาจะเป็นกลุ่ม Expat ชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยอย่าง อินเดีย อเมริกา รวมถึงชาวกัมพูชาด้วย
ด้าน นพ.ธนารักษ์ สถาพรวรศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.พญาไท 1, รพ.พญาไท 2 และ รพ.พญาไท พหลโยธิน กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใน ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (Yothi Medical Innovation District) ซึ่งมีโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์กว่า 30 แห่ง และใกล้กับ ย่านนวัตกรรมอารีย์ (Ari Innovation District) ซึ่งเป็นศูนย์รวมองค์กรธุรกิจและเทคโนโลยี
โดยจะทำงานร่วมกับโรงพยาบาลพญาไท 1 และ 2 ในเครือ BDMS ได้อย่างราบรื่น (Seamless) ทำให้มีเครื่องมือและบุคลากรพร้อมสนับสนุนครบครัน และทิศทางของโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นไปยัง Wellness และการป้องกันโรค มากขึ้น ถือว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้คนไข้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดีขึ้น (Total Life Modification)
นอกจากนี้ ยังมีบริการที่ ‘beyond standard’ เช่น การตรวจยีน (Genetic) เพื่อหาความเสี่ยงโรค, การให้วิตามินเสริมเฉพาะบุคคล, และมีเครื่องมืออย่าง VO2 Max สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายอย่างจริงจัง โดยหัวใจสำคัญยังคงเป็นการกลับสู่พื้นฐาน (Back to Basic) คือ กินดี อยู่ดี นอนหลับดี และไม่เครียด ซึ่งจะมีทีมแพทย์ Anti-aging, นักโภชนาการ, ระบบ Tele-consultation ให้บริการเชิงรุก เป็นต้น
พญ.ถนอมศิริ สติฐิต ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพหญิง รพ.พญาไท พหลโยธิน กล่าวว่า สำหรับเรื่องสุขภาพ ถึงอย่างไร "การป้องกันดีกว่าการแก้ไข" การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนการนำรถเข้าศูนย์เช็คสภาพ ซึ่งโรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ถือว่าตอบโจทย์ครบวงจร มีศูนย์ตรวจสุขภาพ (Check-up) ศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้อง (MIS Center) หลายสาขา (ศัลยกรรม, สูตินรีเวช, ระบบทางเดินปัสสาวะ, กระดูกและข้อ) มาทำงานร่วมกัน ทำให้ผู้ป่วยได้รับบริการแบบ One-stop service
ทั้งนี้ การลงทุนตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่มนั้นคุ้มค่ากว่าการรอให้ป่วยแล้วค่อยรักษาอย่างมหาศาล ช่วยให้ผู้ป่วยประหยัดและส่งเสริมให้เกิดการติดตามดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ