อัพเดท"โอมิครอน" กลายพันธุ์แบบพิเศษร้ายสุดรุนแรงมากขึ้นจนครองโลก

16 ธ.ค. 2564 | 05:14 น.

อัพเดทโอมิครอน กลายพันธุ์แบบพิเศษดีก็ยุติระบาด ร้ายก็รุนแรงมากขึ้นจนครองโลก หลังไวรัสมีคุณลักษณะพิเศษดึงสารพันธุกรรมของไวรัสอื่นเข้ามาอยู่ในตัวเองได้

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า 
ดีก็ได้ ร้ายก็ได้  ไวรัสโอมิครอน (Omicron) กลายพันธุ์แบบพิเศษ ดึงสารพันธุกรรมของไวรัสอื่นเข้ามาอยู่ในตัวเองได้
จากฐานข้อมูลกลางของโลก (GSAID) ซึ่งได้รวบรวมสายพันธุ์หรือชนิดต่างๆของไวรัส
โดยประเทศสมาชิกเมื่อตรวจพบสายพันธุ์ของไวรัสก่อโรคโควิดที่เปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ไป ก็จะส่งข้อมูลมารวมกัน ซึ่งขณะนี้มีมากกว่า 6,000,000 ตัวอย่างแล้วนั้น
ทำให้โลกเรา ได้รับทราบการกลายพันธุ์ของไวรัสก่อโรคโควิดต่างๆมาโดยตลอดว่า
 

มีการกลายพันธุ์สม่ำเสมอตลอดเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อเพิ่มรายวันสูง หรือมีการระบาดรุนแรง
นับถึงปัจจุบัน มีการกลายพันธุ์ไปแล้วมากกว่า 1000 สายพันธุ์หลักและสายพันธุ์ย่อย
เนื่องจากไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7 ซึ่งก่อโรคโควิดนั้น เป็นไวรัสสารพันธุกรรมเดี่ยว จึงมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหรือการกลายพันธุ์ง่าย
ที่ผ่านมา การกลายพันธุ์จะส่งผลกระทบได้สามประการด้วยกันคือ
1.ความสามารถในการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อ
2.ความสามารถในการก่อความรุนแรงของโรค หรือการเสียชีวิต

โอมิครอนดีก็ได้ ร้ายก็ได้
3.การดื้อต่อวัคซีน ซึ่งรวมถึงประสิทธิผลที่ลดลงต่อการตรวจวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคด้วย
โดยไวรัสสายพันธุ์เดลตา เป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดเก่งที่สุด จนสามารถครองโลกได้เลย ขณะนี้ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่เป็นไวรัสเดลตา 99%

ส่วนไวรัสสายพันธุ์เบต้า มีความรุนแรงของโรคมาก แต่มีความสามารถในการแพร่ระบาดต่ำ จึงไม่มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อมากนัก
ไวรัสสายพันธุ์อัลฟาแพร่ระบาดเร็วในระยะแรก แต่ช้ากว่าเดลตา จึงถูกเดลตาแซงไปในที่สุด
เมื่อปรากฏไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนขึ้น ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นว่ามีความสามารถในการแพร่ระบาดรวดเร็วกว้างขวาง และแนวโน้มดื้อต่อวัคซีน ทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนทุกชนิดลดต่ำลง แต่ความรุนแรงในการก่อโรคยังไม่ชัดเจน
ขณะนี้มีข้อมูลล่าสุดที่น่าสนใจได้แก่ ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีคุณลักษณะพิเศษคือ สามารถดึงบางส่วนของไวรัสชนิดอื่นเข้ามาอยู่ในตัวเองได้
ทั้งไวรัสก่อโรคโควิดสายพันธุ์อื่น และรวมไปถึงไวรัสอื่นที่ไม่ใช่ตระกูลโคโรนา เช่น ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัด
ซึ่งลักษณะเด่นดังกล่าวของไวรัสโอมิครอนได้ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วส่วนหนึ่ง ที่เรียกว่า ไวรัสล่องหน คือทำให้ตรวจด้วยวิธีพีซีอาร์แล้วไม่สงสัยว่าเป็นไวรัสโอมิครอน
ต่อมาพบว่าสารพันธุกรรมของไวรัสโอมิครอนมีบางส่วนของไวรัสอื่นเข้ามาปนด้วย

โอมิครอนมีคุณลักษณะพิเศษ
เรื่องดังกล่าวนี้ อาจจะส่งผลได้ทั้งในแง่ดี และแง่ร้าย
ในแง่ดี ไวรัสโอมิครอนก็จะแพร่ระบาดรวดเร็วจนครองโลก แต่ไม่สร้างความรุนแรง เกิดอาการเจ็บป่วยในระดับไข้หวัด ทุกอย่างก็จะยุติ
แต่ถ้าโชคไม่ดี ลักษณะเด่นของไวรัสเกิดไปดึงไวรัสตัวอื่นที่รุนแรงหรือดุร้ายกว่าเข้ามา ก็จะก่อความรุนแรงมากขึ้นได้คือ มีการแพร่ระบาดรวดเร็วจนครองโลก และยังประกอบด้วยความสามารถในการก่อโรคที่รุนแรง ถ้ารุนแรงมากกว่าเดลตาหรือเบตา รวมทั้งดื้อต่อวัคซีนด้วย
ก็เท่ากับมนุษย์เรา เกือบจะถือได้ว่าย้อนกลับไปเมื่อธันวาคม 2562 เพียงแต่อาจจะไม่ร้ายแรงเท่าปี 2562
เพราะคนกว่าครึ่งโลกได้รับการฉีดวัคซีนมีภูมิป้องกันที่พอจะสู้ได้เป็นบางส่วน และมีองค์ความรู้ในการ พัฒนาวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น
ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ผลจะออกมาดีหรือร้ายประการใด