ถึงเวลาเปลี่ยน! ฉีดวัคซีนโควิดครบต้อง 3 เข็ม หมอนิธิชี้ชนิดใดก็ได้

29 พ.ย. 2564 | 03:57 น.

หมอนิธิชี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนฉีดวัคซีนโควิดครบต้อง 3 เข็ม แนะฉีดวัคซีนโมเดอร์นา 100 ไมโคกรัมกระตุ้นภูมิ สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกังวลในสายพันธุ์โอไมครอน

รายงานข่าวระบุว่า ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda โดยระบุข้อความว่า 
โมเดอร์นา มีการตอบรับศึกษาเรื่อง สายพันธุ์ Omicron  (โอไมครอน) ได้เร็วมากครับ คงต้องรอผลนิดหนึ่ง (เขาว่าเป็นแค่อาทิตย์) ว่าจะใช้ขนาดเท่าไหร่ และต้องเป็น multivalent ใดที่ต้องใช้เป็นการเฉพาะสำหรับกระตุ้นภูมิ
ยังไงก็ตามแนะนำใหม่ ณ เวลานี้ ถ้าจะกระตุ้นด้วยรุ่นเดิม (mRNA 1273) ที่เราได้มาขณะนี้ควรใช้ 100 ไมโครกรัม ไปก่อน สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือหากกังวลในสายพันธุ์ Omicron (ก่อนหน้านี้ โมเดอร์นา ZXได้รับอนุมัติจาก FDA ให้ใช้กระตุ้นด้วยขนาด 50 ไมโครกรัม ด้วย mRNA 1273)

สำหรับปีหน้าที่อาจได้วัคซีนชนิด multivalent mRNA 1273.211 หรือ mRNA 1273.213 ที่ถูกออกแบบไว้สำหรับ สายพันธุ์ที่กังวล(VOC)ก่อนหน้าซึ่งก็มีส่วนที่ครอบคลุมถึงจุดที่กลายพันธุ์ของ Omicron ด้วย หรือ mRNA 1273.529 วัคซีน multivalent ล่าสุดที่ออกแบบสำหรับสายพันธุ์เดลตา และเบต้า ก็มีจุดที่ครอบคลุมส่วนกลายพันธุ์ของ Omicron ด้วยเช่นกันนั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าควรเป็นขนาด 50 ไมโครกรัม หรือ 100 ไมโครกรัมกันแน่ ……..ติดตามอย่ากระพริบตา
ส่วนวัคซีนอื่นๆก็คงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ถึงเวลานี้ยอมรับกันแล้วว่า การได้วัคซีนให้ครบ ควรเป็น 3 เข็ม และผมยังมีความเห็นส่วนตัว(มีข้อมูลวัคซีนอื่นๆในอดีต) ว่าเป็น สามเข็มชนิดใดก็ได้ เมื่อกระตุ้นในเวลาที่เหมาะสม 

ฉีดวัคซีนโควิดให้ครบต้อง 3 เข็ม
ผู้กำหนดนโยบายการฉีดวัคซีนควรติดตามข้อมูลใหม่ๆอย่างใกล้ชิด และกำหนดนโยบายตามหลักวิชาการ(sciences and facts)ส่วนเราจะมีวัคซีนอะไรในประเทศแต่ละช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องที่ต้องปรับตามสถานการณ์ โดยคำแนะนำต้องใช้หลักวิชาการนำหน้าก่อนเรื่องอื่นใด

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-27 พ.ย. 64 มีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 92,125,296 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 47,847,646 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 40,963,885 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 3,313,765 ราย