บัตรสวัสดิการแห่งรัฐค่าไฟฟ้า จำนวน 315 บาท กดเป็นเงินสดได้หรือไม่เช็คเลย

07 ต.ค. 2564 | 17:03 น.

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐค่าไฟฟ้า จำนวน 315 บาท ผู้ถือบัตรใช้ไม่เกินสิทธิ สามารถกดเป็นเงินสดได้หรือไม่ที่นี่มีคำตอบ

จากกรณีที่ คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้อนุมัติขยายส่วนลดใช้ค่าไฟ ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐค่าไฟฟ้า จากเดิม 100 บาท ขยายเป็นเดือนละ 315 บาท รวมทั้งสิ้น 12 เดือน

 

ระยะเวลาดำเนินงาน

 

  • ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกันยายน 2565 (ระยะเวลา 12 เดือน)

 

กลุ่มเป้าหมาย

  • กลุ่มเป้าหมาย : ประมาณ 1.9 ล้านครัวเรือน (1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิ เท่านั้น)

 

เงื่อนไข

  • กรณีค่าไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิตามมาตรการนี้ในวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด

 

กดเป็นเงินสดได้หรือไม่

 

สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้ค่าไฟฟ้าไม่เกิน  50 หน่วยต่อเดือน หรือ ใช้สิทธิไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน การไฟฟ้า จะส่งบัญชีรายชื่อไปยัง กรมบัญชีกลาง เพื่อให้โอนเงินกลับคืนเข้ามาให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถกดเป็นเงินสดได้หรือรูดซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ

 

 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐค่าไฟฟ้า จำนวน 315 บาท กดเป็นเงินสดได้หรือไม่เช็คเลย

วิธีกดเงินสด

ขั้นตอนกดเงินสด 

  • กดเป็นเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม( ATM )ธนาคารกรุงไทย
  • สอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย 
  • ใส่รหัสผ่าน 6 หลัก
  • เข้าหน้าเมนูหลักแล้ว ให้กดปุ่ม"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" (*หากตู้เอทีเอ็ม ที่ไม่มีปุ่ม "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" จะไม่สามารถทำรายการต่อได้ ต้องหาตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทยตู้อื่นแทน )
  • จากนั้นกดปุ่ม "ขอดูยอดวงเงินเหลือ" เพื่อตรวจสอบว่ามีเงินโอนเข้ามาหรือไม่ และเหลือยอดเงินที่สามารถกดได้เท่าไร
  • หน้าจอจะแสดงยอดเงินคงเหลือที่ใช้ได้ โดยระบบจะถามว่า ท่านต้องการบริการอื่นอีกหรือไม่ หากต้องการถอนเงิน ให้กดปุ่ม "ต้องการ "
  • ระบบจะกลับมาที่หน้าเมนูหลักอีกครั้ง หลังจากนั้นให้กดปุ่ม "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ซ้ำ 
  • กดปุ่ม "ถอนเงิน"- ใส่จำนวนเงินที่ต้องการถอนและกดปุ่ม"ถูกต้อง"จากนั้นจะได้รับเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม.

 

ที่มา: กรมบัญชีกลาง