"วัคซีนพาสปอร์ต" หรือ สมุดปกเหลือง ใช้เดินทางข้ามประเทศ ต้องทำยังไง เช็กได้ที่นี่

08 มี.ค. 2564 | 20:00 น.

รายงานพิเศษ : "วัคซีนพาสปอร์ต" หรือ สมุดปกเหลือง ใช้เดินทางข้ามประเทศ ต้องทำยังไง เช็กได้ที่นี่

จากกรณีที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าออก 'วัคซีนพาสปอร์ต" (Vaccination Passport) หรือ สมุดปกเหลือง ตามที่มติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบวันที่ 8 มีนาคม 2563 ซึ่งจะเป็นเอกสารที่จะช่วยรับรองว่าได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว จะสามารถเดินทางข้ามประเทศ

\"วัคซีนพาสปอร์ต\" หรือ สมุดปกเหลือง ใช้เดินทางข้ามประเทศ ต้องทำยังไง เช็กได้ที่นี่

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2564 ว่า คนไทยรวมถึงผู้อาศัยภายในประเทศที่ไม่สัญชาติไทย เมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีน เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามประเทศ รวมถึงจะช่วยลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน โดยจะมีหลักการที่น่าสนใจดังนี้

  • ผู้ที่มีสัญชาติไทย หากมีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบอย่างน้อย 14 วัน แต่ไม่เกิน 30 วันก่อนเดินทาง รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน
  • ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย จะต้องมีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบอย่างน้อย 14 วันและไม่เกิน 3 เดือนก่อนการเดินทาง และต้องมีเอกสารรับรองการปลอดโควิด รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน อย่างไรก็ตามหากไม่มีเอกสารรับรองการรับวัคซีน มีเพียงใบรับรองการปลอดโควิด รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน
  • สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา ยังคงต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน ตามมาตรการเดิม

 

นายอนุทิน ระบุว่า จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมษายน 2564 เป็นต้นไป และระยะต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 หากฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงอย่างน้อยร้อยละ 70 และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบตามเป้าหมาย บางพื้นที่อาจผ่อนคลายไม่ต้องกักตัว โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ วัคซีนพาสปอร์ต หรือ เอกสารรับรองดังกล่าว จะมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งสิ้น 100 บาท ดังนี้ 

  • ค่าออกแบบเอกสารและค่าธรรมเนียม 50 บาท 
  • ค่าสำหรับการโหลดทางแอปพลิเคชัน 50 บาท 

 

นายอนุทิน กล่าวว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มให้ครอบคลุมประชาชนมากยิ่งขึ้น จากที่จัดหาไว้ 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชน 31.5 ล้านคน โดยไม่นับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และคนอายุน้อยกว่า 18 ปี ก็อาจต้องหาเพิ่มเติมอีก 10-20 ล้านโดสโดยอาจขอให้แอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มกำลังผลิต หรือจัดหาวัคซีนชนิดอื่นที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลปลอดภัยมากขึ้น

ข่าวเกี่ยวข้อง :