พระราชบัญญัติพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้แล้ว และให้มีผลในการทำกิจกรรมทางการเมืองเริ่มต้นขึ้นด้วยการอนุญาตให้พรรคการเมืองใหม่สามารถจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ จะเป็นระฆังยกแรกที่คาดว่าจะมีการจดทะเบียนพรรคใหม่จำนวนมาก ในจำนวนนี้จะมีอย่างน้อย 4
พรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นเพื่อเป็นกลไกสนับสนุน “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 หลังการเลือกตั้ง
4 พรรคการเมือง ที่ว่าอาจจะหาชื่อยังไม่ลงตัว แต่มีกลุ่มที่ชัดเจน
กลุ่มแรกของ “ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่จะนำพลพรรคแยกตัวจากพรรคประชาธิปัตย์มารวมกับมวลชน กปปส.ในการตั้งพรรค
กลุ่มที่ 2 จากอดีต สปช.ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ผุดชื่อ “ประชารัฐ” เพื่อสร้างการเมืองใหม่
กลุ่มที่ 3 คือ เหล่าเสนาธิการของลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่จะรวบรวมอดีตส.ส.แตกแถวของพรรคเพื่อไทย และอดีตส.ส.ที่ชอบย้ายพรรคทั้งหลายเข้าสังกัด
กลุ่มที่ 4 ทีมงานของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่กำลังรวบรวมกลุ่มอดีตส.ส.
“เขี้ยวลากดิน” เช่น กลุ่มสุโขทัยของ สมศักดิ์ เทพสุทิน และบางส่วนจากพรรคภูมิใจไทย ผสมกับนักวิชาการและนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่หลงเสน่ห์ “มนต์การเมือง” ก่อตั้งพรรคในเร็วๆ นี้ แค่ทั้ง 4 พรรคที่จะตั้งขึ้น แม้จะเดินคนละทาง แต่จุดประสงค์เดียวกันคือชู “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนระฆังยก 2 ที่จะอนุญาตให้พรรคการเมืองเดิมทำกิจกรรมทางการเมืองได้ จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นโอกาสที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่
“เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” รอคอยที่จะออกตัวเพื่อหวังทำการบ้านโกยคะแนนนิยมเข้าพรรค เพราะการเลือกตั้งในระบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ทุกคะแนนมีความหมาย เพราะจะไม่ถูก
“นำไปทิ้งน้ำ”
แต่พรรค SMEs อย่าง
“ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนา-พลังชล” ยังไม่มีวี่แววในการ เคลื่อนไหว เพราะพรรค SMEs เหล่านี้ยังไม่มั่นใจว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่และเมื่อใด การออกตัวเคลื่อนไหวเร็วโดยไม่ดูทิศทางลมจะเป็นการ
“เสียเปล่า” เพราะทันทีที่ลั่นกลอง ทำกิจกรรม นั่นหมายถึงเวลาที่ต้อง
“จ่าย” มาถึงแล้ว
พูดถึงระยะเวลาหรือโรดแมปการเลือกตั้ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เคยประกาศปักธงไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2561 เหมือนจะต้องถอนธงที่ปักออกแล้วไปหา
“โรดแมปใหม่” จะอ้างเพราะเงื่อนไขอะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นที่รู้กันว่าระยะเวลาแห่งการครองอำนาจของรัฐบาลจากการรัฐประหารจะถูกยืดออกไปอีกระยะหนึ่ง ชัดเจนเบื้องต้นจากคณะเสนาธิการของรัฐบาลรัฐประหารจะปักธงการเลือกตั้งใหม่ เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ข่าวแว่วว่าธงที่ปักใหม่นี้พร้อมจะถอนเพื่อ
“ขยายได้ทุกเมื่อ” ถ้ามี
“ข้อมูลใหม่”
แต่อย่างที่เคยบอกไว้การเมืองไม่ได้เล่นหรือถูกกำหนดจากผู้เล่นข้างเดียว คู่ต่อสู้และผู้ชมข้างสนามมีสิทธิเข้ามาเล่นและเป็นผู้กำหนดเกมได้ด้วยการยื้ออำนาจออกไปไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะขณะนี้มีขบวนการ
“จุดไฟในนาคร” ที่ต่อต้านการขยายระยะเวลาครองอำนาจด้วยการรณรงค์
“อยากเลือกตั้ง” ที่จัดกิจกรรมทุกสัปดาห์ และจะถี่ขึ้น ความแรงของการจุดไฟครั้งนี้จะติดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกุมอำนาจรัฐที่จะใช้ยุทธวิธีเอา
“น้ำดับไฟ” หรือ
“น้ำมันดับไฟ” เท่านั้นเอง
..........................
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ/ หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3344 ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม