KEY
POINTS
นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน เอไอเอส เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินของ AIS เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
ภายใต้รากฐานธุรกิจโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง โดย AIS มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงข่าย 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการแล้วมากกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เข้าถึงกว่า 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ
รวมถึงการขับเคลื่อนนวัตกรรมแพลตฟอร์มสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลักของประเทศ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า AIS พร้อมเดินหน้าเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย
ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น Cognitive Tech-Co อย่างเต็มรูปแบบ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจของคนไทย ตามแนวคิด AI for Sustainable Nation ที่จะเชื่อมทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกัน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) คือ รุ่นอายุ 7 ปี กำหนดการชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ผู้ลงทุนทั่วไปจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยที่ 2.29% บริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งรายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 จากการขยายฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ การส่งเสริมแพ็กเกจ 5G และบริการเสริมด้านความบันเทิง
ส่วนรายได้จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากการขยายฐานลูกค้าและการปรับตัวดีขึ้นของ ARPU ขณะที่รายได้จากลูกค้าองค์กรและบริการอื่นๆ เติบโตร้อยละ 14 ตามความต้องการบริการเชื่อมต่อเครือข่าย (EDS) และคลาวด์
อีกทั้งรายได้จากการขายอุปกรณ์และซิมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากความต้องการสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ด้านต้นทุนการให้บริการลดลงร้อยละ 6.9 จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง ในขณะค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลงร้อยละ 16
ทำให้บริษัทสามารถเติบโต EBITDA กว่าร้อยละ 10 และมีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินว่า AIS มีสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่ง สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ด้วยส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้บริการร้อยละ 49 และร้อยละ 47 ตามลำดับ อีกทั้งการขยายธุรกิจสู่บริการลูกค้าองค์กร ศูนย์ข้อมูล และคลาวด์ ช่วยกระจายแหล่งรายได้ เสริมความแข็งแกร่งทางการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดในระยะกลาง
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ของ AIS สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่