ฟิทช์ เรทติ้งส์ หั่นเครดิตหุ้นแบงก์-พลังงาน กูรูชี้ไม่น่ากังวล ไม่สะท้อนธุรกิจ

จากประเด็นที่ทางฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้มีการประกาศปรับมุมมอง (Outlook) ของไทยจากมีเสถียรภาพ (Stable) เป็นลบ (Negative) โดยยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ หลังเห็นแนวโน้มหนี้สาธารณะสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง เศรษฐกิจโตต่ำ

โดยมีการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term IDRs) สำหรับธนาคาร 5 แห่งในประเทศไทย จาก "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" เป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ"  จำนวน 5 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM)
• ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)
• ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB)
• ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT)
• ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBT)

รวมถึงปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลระยะยาว (InternationalLong-Term Issuer Default Rating: IDR) ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) , บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เป็นลบ จากเดิมแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตของทั้งสามบริษัท และอันดับเครดิตตราสารหนี้ไม่มีหลักประกันของปตท.สผ. ที่ BBB+

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การปรับมุมมองแนวโน้มเป็นเชิงลบของ Fitch Ratings มองว่าไม่ได้สร้างความตกใจให้กับตลาด และไม่ได้มีผลต่อตลาดทุน

ตามรายงานจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า ความกังวลมีอยู่ 2 ประการหลัก คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังความต่อเนื่องทางนโยบาย และประเด็นเรื่องการเติบโตของ GDP และ การรักษาวินัยทางการคลัง (Fiscal Consolidation)

ดังนั้นแล้ว จะเห็นได้ว่าธนาคารทั้ง 5 แห่งข้างต้น มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับภาครัฐและการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ เช่นเดียวกันกับ EGAT รวมถึง PTT เนื่องจากกระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 14,598,855,750 หุ้น หรือคิดเป็น 51.11% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับปรับมุมมอง ของไทย

มองว่าการที่ Fitch Ratings ปรับมุมมองจากมีเถียรภาพเป็นเชิงลบของไทย ไม่ได้สร้างความตกใจให้กับตลาด และไม่ได้มีผลต่อตลาดทุน และไม่น่ากังวลใจแต่อย่างไร เพราะไม่ได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจกลุ่มแบงก์และพลังงานแต่อย่างไร

สำหรับความกังวลใจต่อความสามารถและความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อเพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจในภายภาคหน้านั้น มองว่าอาจยังต้องรอดูว่านโยบายภาครัฐและแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในปี 2569 จะดีขึ้นหรือไม่ หากว่าอยยู่ในทิศทางที่ดี โอกาสที่การปรับเรตติ้งอาจไม่แย่ลงก็ได้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง