หุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ 1,230 - 1,260 จุด ชี้ยังคงมีสัญญาณเงินทุนไหลเข้าต่อ
หุ้นไทยวันนี้ (6 ส.ค.) แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,230 - 1,260 จุด ตัวเลขภาคบริการสหรัฐฯอ่อนแอกว่าคาด เช่นเดียวกับภาคการผลิต สะท้อนความเสี่ยงมากขึ้น ชี้ไทยยังคงมีสัญญาณเงินทุนไหลเข้าต่อ Valuation ยังน่าดึงดูด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) วิเคราะห์หุ้นไทยวันนี้ (6 ส.ค.68) คาดเคลื่อนไหวแบบ Sideways ในกรอบ 1,230 - 1,260 จุด ตัวเลขภาคบริการของสหรัฐฯอ่อนแอกว่าคาด ทิศทางเดียวกับภาคการผลิต สะท้อนความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
โดยวานนี้สหรัฐฯ รายงานดัชนี ISM ภาคบริการ เดือน ก.ค. ที่ระดับ 50.1 จุด ลดลงจากเดือน มิ.ย. ที่ 50.8 จุด และต่ำกว่าคาดที่ 51.5 จุด โดยแรงกดดันจากการจ้างงานที่หดตัวต่อเนื่อง 4 ใน 5 เดือนล่าสุด ขณะที่กิจกรรมธุรกิจ และ คำสั่งซื้อใหม่ ขยายในอัตราที่ลดลง
ทั้งนี้ โดยรวมถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ISM ภาคการผลิต ที่ออกมาในวันศุกร์ที่ผ่านมาที่แผ่วลงเช่นเดียวกัน สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะสั้นควรระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ด้านราคาน้ำมันดิบโลกยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน โดย Brent ปิดที่ 67.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ แรงกดดันหลักจากความกังวลอุปทานเพิ่ม หลัง OPEC+ เดินหน้าขยายกำลังการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัว
ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้า สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าสู่ระดับ 32.3 บาทต่อดอลล่าร์ ส่งผลให้ SET กลับมาปิดเหนือระดับ EMA200 วันได้อีกครั้ง ผสานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่ที่ทยอยออกมาแล้ว ดีกว่าคาดเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม
โดยกลยุทธ์ยังคงเน้นย่อสะสมหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการเด่น และมี Valuation น่าสนใจ ส่วนด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ แนะติดตาม การรายงานเงินเฟ้อไทย เดือน ก.ค. คาด CPI ที่ -0.4% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ Core CPI ที่ +0.93% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ปัจจัยที่ต้องจับตา
06 ส.ค.
- เงินเฟ้อไทย
- ยอดค้าปลีกของยูโรโซน
- สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯ
07 ส.ค.
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
- ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ
- ดุลการค้าจีน
- ยอดส่งออกจีน
- การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
08 ส.ค.
- MSCI Rebalancing
หุ้นเด่นแนะนำ
MTC ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 49.00 บาท
- รายงานกำไรในไตรมาส 2/68 ที่ 1,647 ล้านบาท (+14% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ +5% จากไตรมาสก่อน) ทำจุดสูงสุดใหม่ หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่โตต่อเนื่อง ผสาน ECL ปรับลดลงเล็กน้อย เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
- ส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงดีขึ้น โดย NPL ratio ในไตรมาส 2/68 ลงสู่ระดับ 2.62% จาก 2.69% ใน ในไตรมาส 1/68
- ปัจจุบันเทรดที่ PE 12.2 เท่า และ PBV 1.9 เท่า ถือว่าValuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ